วันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เชียงใหม่ ทริป



วันที่ 1
วันที่ 2







วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2552

Steak , Eat and Eat

** means= already finished

Steak

**1) Hin-Sai (SS Beach Hotel) ..(Bangsan Beach)

2) Fusion (The Tide Resort)..(Bangsan Beach)

* 3) Cowboy 49 Baht (Bangsan Sai 4 Road)T. 038 191 670 open 11:00-21:00

4) Phu Steak (Opposite Wungmook land)

5) Steak Scandinavien Village (Bangsan Sai 4 Road)open 12:00-21:00 (Mon-Sat)

6) 39 Steak (opposite Bangkok Bank near Suanglung Rama 9 area)

** *7) Xanadu (Xanadu Hotel) near Lam tan Tel 038 381 666 (Buffet BBQ on Sat )

8) The Sizzler (Central Chonburi)T. 038 053 615
http://www.sizzler.co.th/th/menu_cbeef.php

9) Black Canyon Steak house (Central Chonburi)

10) Sriracha Steak-Silom Steak (Sriracha night square)

11) Santa Fe Steak (Central Chonburi ??, Esplanade)

***12) Pataya Steak (near I-Im Timsum, Burapa University)

13) Kanary Bay

14) Chokechai steak (Sukhumvit 23)

Other recommended good restaurants

1) The Condom & Cabbage (Pataya)
http://www.cabbagesandcondoms.co.th/Restaurant/Restaurant.asp


2) Pataya Revolving restaurant (Pataya Park) Lunch 350 Baht 11.30 am. - 3 pm, Dinner 400 Baht Dinner 5 pm.- 10 pm
http://www.pattayapark.com/module.php?id=tower

3) Moom Aroi (Sriracha)
http://www.jabchai.com/main/view_joke.php?id=5428

4) Mongkol Kitchen (Angsila)

5) Nangnuan (Pataya)

6) Pad Thai Kai Poo (Bangpra)

7) Huen Kru Or -Vietnam food (Ninja intersection,or Bangpra)

8) Silachol (near 39 steak and condo my room)

9) Kao Kang Jae Lek (Pra ya sudja road)

10) Praram 9 Kai yang (Bangkok)

11) Vanida Nam Nuang (Lad Prao Road)


Recommended places

1) Talad nam Tal Ling Chan (Bangkok)
2) Talad nam 4 Pak (Pataya)
3) Chao Praya river (Grand Cruise)http://www.grandpearlcruise.com/index.php#

Steak -Bangkok

1) บัดดี้ สเต็ก (2) รสเด็ดยิ่งกว่าเดิม (รัชดา ซอย 3)








รายงานโดย :ลีโอ leoken@posttoday.com: วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

หลังจากที่สร้างความประทับใจกับรสชาติอาหารระดับห้าดาว แต่ราคาย่อมเยาที่สาขาแรกย่านวิภาวดีกันมาแล้ว

วันนี้ ประเสริฐ ชัยโพธิ์ทอง เชฟหนุ่มหล่อรุ่นใหม่ไฟแรงคนเดิม ยังขนเอาความตั้งใจอันแรงกล้าในการรังสรรค์สเต๊กและเมนูเด็ดๆ มาเอาใจคนย่านรัชดากันบ้าง

แม้จะเพิ่มสาขาแต่เชฟหนุ่มไฟแรงยังคงมาตรฐานความอร่อยคับจานเอาไว้เหมือนเดิม แถมยังมีเมนูใหม่ๆ มาให้ลูกค้าได้ลิ้มลองกันตลอดเวลา จนวันนี้เพิ่งเปิดได้ 4 เดือน แต่เมนูที่เขาตั้งใจสร้างสรรค์ก็ปาเข้าไปเกือบจะ 100 เมนูกันเข้าไปแล้ว ที่สำคัญเขายังทั้งลงมือปรุงและเสิร์ฟด้วยตัวเอง และแน่นอนราคาถูกจนน่าใจหายเมื่อเทียบกับรสชาติและหน้าตาอาหารอันหรูหรา ซึ่งส่วนใหญ่เขายังเน้นการเลือกใช้วัตถุดิบชั้นดี และแต่ละเมนูที่เสิร์ฟจัดแต่งออกมาอย่างสวยงามและจานใหญ่บิ๊กเบิ้มทุกจาน เรียกว่าพอมาวางที่โต๊ะต้องร้องโอ้โฮ...!ในความอลังการ เชื่อมั้ยว่าราคาอาหารของที่นี่เริ่มต้นแค่ 10-149 บาทเท่านั้น

ขอย้อนไปอีกสักนิดสำหรับคนอ่านที่ยังไม่ได้ไปลิ้มลอง บัดดี้ สเต็ก ที่สาขาแรก อาหารร้านนี้เขาจะเป็นสไตล์ร่วมสมัยที่เชฟหนุ่มจะเลือกใช้วัตถุดิบดีระดับโรงแรมมาผสมผสานกับเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยซอสสูตรพิเศษของที่ร้านที่เชฟคนเก่งปรุงรสขึ้นเอง ทำให้รสชาติของอาหารแต่ละจานอร่อยเด็ดในแบบฉบับของตัวเองที่หากินที่อื่นไม่ได้ชัวร์!

สำหรับสาขาใหม่นอกจากร้านใหญ่บรรยากาศก็แสนสบายแล้ว ยังมีเมนูใหม่ๆ มาให้ลิ้มลองจนละลานตา ทั้งสเต๊กนานาชนิด สลัด ซุป ไปจนถึงเทปันยากิ และเมนูอาหารญี่ปุ่นสไตล์ฟิวชัน ก่อนจะตบท้ายขนมหวานเช่นไอศกรีมเทมปุระที่ฮอตที่สุดในอเมริกา

ขอเริ่มความอร่อยเด็ดที่เชฟไฟแรงนำเสนอ เพราะเพิ่งค้นพบสูตรแห่งความอร่อยเด็ดไม่นานมานี่เอง นั่นคือ “ไก่อบมังกรบิน” สไตล์ฟิวชันที่ผสมผสานระหว่างจีนกับฝรั่งเศส สะโพกไก่ชิ้นโต 2 สะโพก นำไปย่างและอบราดด้วยซอสสูตรพิเศษ เสิร์ฟพร้อมผักปลอดสาร เคล็ดลับความอร่อยของจานนี้นอกจากจะอยู่ที่ซอสสูตรเด็ดแล้ว การใช้น้ำมันที่ได้จากไก่ตอนย่างราดไปตอนอบทำให้ไก่นั้นหอมล้ำ ทั้งนุ่มทั้งหนึบ รสชาติเข้าเนื้อเห็นๆ ยิ่งได้สมุนไพรอย่างทารากอน พาสเลย์ ออริกาโน กลิ่นยิ่งหอม รสชาติยิ่งโดน ทันทีที่วางเสิร์ฟ โอ้โฮ! ทำไมมันจานใหญ่ขนาดนี้ รู้มั้ยราคาจานนี้แค่ 120 บาทเอง

จานต่อมา สปาเกตตีเห็ดออริจิ ใช้สปาเกตตีโตเมโตซอสปรุงรสด้วยทารากอน พาสเลย์ ช่วยดึงรสชาติของเห็ดออกมาให้เข้ากับเส้นสปาเกตตี เพิ่มความอร่อยอีกระดับด้วยการตีไข่ใส่ลงไป นับเป็นความอร่อยที่ลงตัวที่สุด อืม...อร่อยจริงๆครับ

มาปิดท้ายด้วยจานสุขภาพกันดีกว่า “สลัดไฮโดรโพนิกส์” เลือกใช้แต่ผักปลอดสารนานาชนิด ทั้งเรดโอ๊ก กรีนโอ๊ก และผักจากญี่ปุ่น ทั้งสะอาดทั้งสด ราดด้วยน้ำครีมสลัดสูตรลับของทางร้านเพิ่มรสชาติด้วยซอสบลาซามิกซ์ที่มีส่วนผสมขององุ่นแดงกับน้ำมันมะกอก ซึ่งเช่นเคยเป็นซอสสูตรพิเศษที่เขาทำขึ้นมาใหม่ มันช่างเข้าขากันได้ดีกับผักกรอบๆ จริงๆ เลยเชียวครับ

เอาเป็นว่า หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา “บัดดี้ สเต็ก” แล้วคุณจะได้ความประทับใจกลับไป จนต้องเวียนมาลิ้มรสชาติขออาหารที่นี่ครั้งแล้วครั้งเล่า

ร้านนี้เขาหาไม่ยาก
ตั้งอยู่ที่ถนนรัชดาภิเษก ซอย 3 (ซอยข้างสถานทูตจีน)
ร้านเปิดทุกวัน เวลา 11.00-22.00 น.
โทร. 02-2457245 ต่อ 105 หรือ 083-1340814

2) โชคชัย สเต๊ก (Chokechai Steak House) Prasanmitr Sukhumvit 23 near Shinothai Building T.02 259 9596

ร้านโชคชัยสเต็กเฮ้าส์ เมนูหลักของเราคือ สเต็ก ซึ่งได้ผ่านกรรมวิธี Dry Aging คือ การคัดสรรเนื้อโคขุน สายพันธุ์ดีสดและสะอาดที่ยังไม่ผ่านการแช่แข็ง นำมาบ่มที่อุณหภูมิในความชื้นที่เหมาะสม ซึ่งกรรมวิธีนี้จะทำให้ได้เนื้อสเต็กที่นุ่มและมีรสชาติที่เข้มข้นชึ้น โดยมีการควบคุมคุณภาพของครัวกลาง ชื่อว่า “โชคชัยเมน คิทเช่น” และเมนูแรกที่ทางร้านโชคชัยสเต็กเฮ้าส์ จะนำเสนอคือ “Chokchai Dry Aging Prime rib” เป็นเนื้อส่วนของสันนอกติดกระดูก อยู่ระหว่างช่วงซี่โครงซี่ที่ 6-12 ของตัววัว เป็นเนื้อที่มีไขมันแทรกในเนื้อมาก ไขมันบางส่วนจะละลายเมื่อเราย่าง ทำให้เนื้อสเต็กนุ่มไม่แห้งแข็ง เป็นชิ้นส่วนสเต็กที่ได้รับความนิยมสูงสุดในอเมริกา, “Chokchai Dry Aging Newyork” เป็นเนื้อส่วนของสันนอกที่เลาะกระดูก ลักษณะที่ให้รสสัมผัสของเนื้อแน่น มีไขมันแทรก และขอบชิ้นเนื้อจะมีไขมันติด นอกจากเมนูสเต็กเนื้อต่างๆ ในร้านแล้วมีอีกเมนูที่ขอแนะนำ คือ “Kurabuta” สเต็กหมูเกรด พรีเมี่ยมของร้านเป็นเนื้อหมูที่มีรสชาติหวานนุ่ม ชุ่มฉ่ำ ต่างจากเนื้อหมูทั่วไป คือ ลักษณะเหมือนเนื้อโกเบ เมนูนี่เราย่างด้วย Charcoal ปรุงแต่งด้วยซอส Onion Mushroom Umm!....Milk เพื่อความกลมกล่อมของรสชาติ เมนูนี่เสิร์ฟเป็นเซ็ท มีผักสลัดพร้อมน้ำสลัดสูตรของร้านและขนมปัง-เนย ให้ชื่อเมนูแนะนำนี้ว่า “Chokchai Premium Pork Steak” ซึ่งเมนูแนะนำดังกล่าวมานี้สามารถสั่งรับประทานได้ทั้ง 3 สาขาของเรา รวมทั้งเมนู สเต็กอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากเมนูหลักของทางร้านที่เป็นสเต็กชันเยี่ยมแล้ว ร้านโชคชัยสเต็กเฮ้าส์สาขารังสิตก็ยังมีเมนูเครื่องดื่มที่น่าสนใจคือ กาแฟเกรดพรีเมี่ยมจาดออสเตเรีย ภายใต้ชื่อ “วิคเตอเรีย คอฟฟี่” เราใช้เมล็ดกาแฟอราบิก้า 100% ชงฝนสไตล์อิตาเลี่ยนดั้งเดิม ให้กลิ่นหอม รสสัมผัสนุ่มละมุนเข้มข้น ภายใต้ชื่อ “หลงเหลือ เพียงความประทับใจ”

http://www.edtguide.com/ChokchaiSteakHouse_9173



******

วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2552

รวม ร้านอาหาร ชลบุรี

The Tide Resort
เสาร์ เย็น 329 baht net
18.00-22.00
ห้องอาหาร Fusion ใต้ lobby
ห้องอาหารปิด ปกติ เปิด 6.30-ตี 2
as of 4/9/52

โซนบางทราย

1. ร้าน อ.อูมซีฟู้ด (กลางวัน-กลางคืน)

ที่ตั้ง จากนิคมอมตะนคร ขับเข้า อ.เมือง มาตามเส้นสุขุมวิท ขับมาเรื่อย ๆ จะผ่านปั๊ม JET ขวามือ ผ่านปั๊ม ปตท. ขวามือ จนถึงสามแยกบางทรายที่มีไฟแดง (นับจากนิคมมาน่าจะเป็นไฟแดงที่ 2) ซ้ายมือเป็นค่ายทหาร เลี้ยวขวาตรงสามแยกนั้นมาประมาณ 30 เมตรจะเห็นป้ายใหญ่ ๆ ซ้ายมือ เขียนว่า อ. อูมซีฟู้ดชี้ไปทางซ้าย เลี้ยวตามป้ายก็ถึงเลย ถ้าหาไม่เจอถามคนแถวนั้นดู รู้จักร้านนี้ทุกคน
เมนูเด็ด อาหารทะเลทั่วไป อร่อยทุกอย่าง ที่เคยกินแล้วประทับใจจะเป็น ต้มยำทะเล กุ้งผัดเห็ดฟาง ลูกตาลลอยแก้ว แต่อย่าสั่งก้ามปูนึ่ง เพราะอันเล็ก ไว้ไปกินแถวบางพระจะดีกว่า

2. ก๋วยเตี๋ยวเครื่องในหมูผักกาดดอง (เช้า-กลางวัน)

ที่ตั้ง อยู่ใกล้ ๆ กับ อ.อูมข้อ 1 นั่นแหละ แต่แทนที่จะเลี้ยวซ้ายเข้าซอยที่เป็น อ.อูม ก็เลี้ยวขวาแทน จะเป็นเลี้ยวหักศอก แต่ไม่ต้องตกใจ ใคร ๆ เขาก็เลี้ยวกัน ให้ระวังรถที่ตามมาด้านหลังก็พอ จริง ๆ ก็ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับปั๊ม ปตท. ที่พูดถึงในข้อ 1 แต่เข้าตรงนั้นไม่ได้เพราะเป็นวันเวย์ หรือจะเลี้ยวเข้าไปจอดในปั๊ม ปตท. แล้วเดินเข้าไปหน่อยก็ได้ ไม่มีชื่อร้าน ถ้าหาไม่เจอถามคนแถวนั้นดู
เมนูเด็ด ก๋วยเตี๋ยวหมูใส่เครื่องในกับผักกาดดอง อร่อยมาก ไม่คาวเลย ไม่มีกลิ่นเหม็นหืนของเครื่องในหมูเลย น้ำซุปก็หวานอมเปรี้ยวเพราะใส่ผักกาดดองลงไปด้วย หรือจะสั่งเป็นเกาเหลามากินกับข้าวเปล่าก็อร่อยเหมือนกัน ด้านหน้าร้านจะมีรถเข็นขายขนมไทย ๆ อยู่ด้วย จุดเด่นอีกอย่างคือจะเสิร์ฟน้ำเปล่ามาในกระป๋องเบียร์หรือกระป๋องน้ำอัดลมเก่าตัดฝาด้านบนออก

โซนฟอรั่ม

1. ข้าวต้มเทวดา+หมูสะเต๊ะ+โรตีดวงดี (กลางคืน)

ที่ตั้ง อยู่ใกล้กับสะพานลอยหน้าห้างฟอรั่ม ฝั่งตรงข้ามเป็น McDonald
เมนูเด็ด ข้าวต้มที่ใส่เครื่องทะเลตามสั่ง (กุ้ง ปลาหมึก ปลา พุงปลา ไข่ปลา หอยนางรม) เกาเหลาทะเลกินกับข้าวเปล่า หน้าร้านมีขายหมูสะเต๊ะด้วย อร่อยมาก ต้องกินให้ได้ น้ำจิ้มหมูสะเต๊ะเหนียวและเข้มข้นดี แต่ให้น้อย กิน ๆ ไปถ้าหมดขอน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะเพิ่มได้ ไม่คิดตังค์ มีกระเพาะปลาด้วย แต่ไม่เคยทาน ไม่รู้ว่าอร่อยเหมือนข้าวต้มไหม ข้าง ๆ เป็นร้านโรตีดวงดี แต่พี่ว่ารสชาติงั้น ๆ ตอนนี้ร้านโรตีดวงดีขายอาหารตามสั่งและน้ำปั่นเพิ่มขึ้นมาด้วย

2. ราดหน้าพาต้า (กลางคืน)

ที่ตั้ง ขับเลยข้อ 1. มา 200 เมตร ก่อนถึงวิทยาลัยอาชีวะ จะมี 7-11 อยู่สาขานึง ร้านราดหน้าตั้งอยู่หน้า 7-11 พอดี
เมนูเด็ด ราดหน้าไข่เจียวเส้นใหญ่, เส้นหมี่, หมี่กรอบ ผัดซีอิ๊ว มีแต่หมูนะจ๊ะ ไม่มีทะเล แต่หมูก็อร่อยมาก นุ่มดี ยิ่งมีไข่เจียวแผ่นบาง ๆ โปะบนเส้นหมี่แล้วราดน้ำราดหน้าลงไป โห อร่อยสุด ๆ ร้านข้าง ๆ มีชา กาแฟ นมสด โอวัลติน และขนมปังสังขยาด้วย เขาขายคู่กัน

3. ข้าวต้มเจ๊สุ (กลางคืน)

ที่ตั้ง จากข้อ 2. ขับผ่านหน้าวิทยาลัยอาชีวะ ข้ามสี่แยกไฟแดง ตรงมาเรื่อย ๆ ต่อมาจะเห็นแบงค์ไทยพาณิชย์ขวามือ เสร็จแล้วเป็น โตโยต้าลีสซิ่ง เข้าขวา หาทาง U-turn จะเห็นด้านขวามีป้ายสีฟ้า เขียนว่า "ข้าวต้มเจ๊สุ"
เมนูเด็ด ข้าวต้มทะเลต่าง ๆ เหมือนข้อ 1. แต่สามารถนำเครื่องเหล่านั้นมา adapt เป็นกับข้าวตามสั่งอื่น ๆ ได้อีก เช่น ปลาอินทรีย์ผัดพริกไทยดำ หอยนางรมผัดพริกเผา ทะเลลวกจิ้ม ฯลฯ อื่น ๆ ก็มีกระเพาะปลาไข่ปู ของหวานจะเป็นสลิ่มน้ำกะทินาป่า , ลอดช่องมะพร้าวอ่อน, รังนกแปะก๊วย รวม ๆ แล้วรสชาติกลาง ๆ ไม่ได้อร่อยมากแต่มีดีที่เครื่องเยอะ option แยะ


เส้นเมืองใหม่

1. ข้าวต้มเจ๊กี (กลางคืน)

ที่ตั้ง เส้นสุขุมวิท ขับผ่านหน้าโรงพยาบาลชลฯ มา ถึงสี่แยกไฟแดงโรงเรียนชลชาย เลี้ยวขวาขับเลาะรั้วโรงเรียนมาเรื่อย ๆ จนเจอสามแยกไฟแดง เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเส้นเมืองใหม่ ผ่านหน้า 7-11 ไป 300 เมตรจะเห็นร้านข้าวต้มซ้ายมือ ชื่อ "ร้านข้าวต้มเจ๊กี"
เมนูเด็ด ข้าวต้มกุ๊ย-ข้าวสวย กับข้าวตามสั่ง ที่เคยกินแล้วประทับใจจะมี กระดูกหมูตุ๋นเห็ดหอม กุ่ยช่ายขาวผัดเต้าหู้ ไข่ตุ๋น ผัดผักหวานน้ำมันหอย จุดเด่นคือได้กับข้าวแต่ละอย่างเร็วมาก เพราะเขามีกุ๊กหลายคน หน้าร้านมีรถเข็นขายกาแฟ ชา นมสด ขนมปังเย็นด้วย

2. อิ่มแน่ (กลางคืน)

ที่ตั้ง ขับเลยข้าวต้มเจ๊กีมา อีก 1/2 กิโล จะเห็นป้ายร้านและร้านใหญ่ ๆ ชื่อร้าน "อิ่มแน่" ที่จอดรถหลังร้านเพียบ
เมนูเด็ด บุฟเฟต์ 109 บาทไม่รวมเครื่องดื่ม ใน 109 บาทนี้จะได้กินสุกี้ สเต็ก อาหารญี่ปุ่น สลัด ข้าวผัด ของทอด ส้มตำ หมี่หยก ยำ ผลไม้ ของหวาน ไอติม แต่ไอติมจะหมดเร็วมาก แนะนำว่าไปแต่หัวค่ำ แล้วตักไอติมกินก่อนก็ได้ ถ้าไม่อยากจ่ายค่าเครื่องดื่มมากนัก แนะนำว่าให้สั่งน้ำเปล่าแต่พอประมาณ เสร็จแล้วเอาแก้วไปใส่น้ำแข็งตรงมุมของหวาน แล้วตักน้ำเขียว น้ำแดงที่ใช้ใส่ในของหวานราดได้เลย

3. ร้านลุงชิ้น (กลางวัน-กลางคืน)

ที่ตั้ง เข้าได้ 2 ทางหลัก ๆ
A. จากร้านอิ่มแน่ ขับมาเรื่อย ๆ (ไกลอยู่เหมือนกัน) จนสุดสามแยกไฟแดงที่ไปบรรจบกับถนนเส้นอ่างศิลา U-turn ที่แยกนั้นก็จะเห็นร้านลุงชิ้นอยู่ซ้ายมือ หน้าร้านจะแคบ แต่ตัวร้านลึก จอดรถหลังร้านได้หลายสิบคัน ร้านข้าง ๆ ขายส้มโอและเฟอร์นิเจอร์ไม้ ทางเข้าลานจอดรถหลังร้านจะอยู่ระหว่างตัวร้านลุงชิ้นกับร้านส้มโอ
เมนูเด็ด อาหารทะเลทุกอย่าง ที่เคยกินแล้วประทับใจจะมี ส้มตำปูม้า ส้มตำทะเล หอยแมลงภู่นึ่ง (ได้เร็วมาก สั่งปุ๊บได้ปั๊บ เพราะเขานึ่งไว้แล้วในซึงใหญ่ ๆ ถูกด้วย จานละ 25 บาทเอง สด อร่อย) ปลาหมึกย่าง หอยนางรมสดเสิร์ฟมาพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ด แต่ถ้าจะกินหอยนางรมสดกับน้ำพริกเผาก็ขอเพิ่มได้ ส้มโอร้านข้าง ๆ ก็อร่อย มีหลายพันธุ์หลายเกรด แกะขายไว้แล้วก็มี รับมาจากนครปฐม

โซนอ่างศิลา (แหล่งหอยนางรมสด ทุกร้านคุณภาพใกล้เคียงกัน)

1. ร้านท่าเรือซีฟู้ด (กลางวัน-กลางคืน)

ที่ตั้ง จากสุขุมวิท เลี้ยวเข้าเส้นอ่างศิลาจนถึงชายทะเลจะเจอกับโค้งถนนไปทางซ้าย พอเลี้ยวไปจะเจอกับร้านท่าเรือซีฟู้ดอยู่ซ้ายมือเป็นร้านแรก
เมนูเด็ด อาหารทะเลทุกชนิด

2. ร้านเจ๊น้อง (กลางวัน-กลางคืน)

ที่ตั้ง เลยร้านท่าเรือซีฟู้ด ขับเลียบทะเลอ่างศิลา (ขวามือ) มาเรื่อย ๆ ก่อนถึงศาลนาจา จะเห็นร้านขวามือ ชื่อ "ร้านเจ๊น้อง"
เมนูเด็ด อาหารทะเลทุกชนิด ที่กินแล้วประทับใจจะมี กุ้งอบวุ้นเส้น หอยนางรมสด ออส่วน ปลากระพงทอดราดน้ำปลา กุ้งแช่น้ำปลา

3. ร้านเจ๊อ่วย (กลางวัน-กลางคืน)

ที่ตั้ง อยู่ในซอยเข้าไปอีก ปากซอยอยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องร้านเจ๊น้องข้อ. 2 พอเลี้ยวเข้าไปในซอย ให้ไปตามป้าย ก็จะถึงร้านในที่สุด
เมนูเด็ด อาหารทะเลทุกชนิด ปลา

4. ร้านกุ้งสด-ปูเป็น (กลางวัน-กลางคืน)

ที่ตั้ง ขับเลยซอยที่จะเข้าร้านเจ๊อ่วย ข้อ 3. มาเรื่อย ๆ เลียบทะเลอ่างศิลา ผ่านศาลนาจาขวามือ เลี้ยวตรงโค้งจะเห็นป้ายใหญ่ ๆ "กุ้งสด-ปูเป็น" ทางขวามือ
เมนูเด็ด อาหารทะเลทุกชนิด รสชาติกลาง ๆ ไม่ได้อร่อยมาก ไปกินบรรยากาศมากกว่า แนะนำให้ไปตอนกลางวันเพราะจะเห็นทะเลและการประมงในทะเลชัดมาก ใกล้ด้วย ถ้าไปตอนกลางคืนก็จะไม่เห็นอะไร

5. ร้านโพธิ์ทะเล (กลางวัน-กลางคืน)

ที่ตั้ง อยู่ข้าง ๆ ร้านกุ้งสด-ปูเป็นข้อ 4. แต่ต้องเข้าไปลึกหน่อย
เมนูเด็ด อาหารทะเลทุกชนิด ไปกินบรรยากาศอีกเหมือนกัน แต่ร้านนี้ออกแนวแต่ละโต๊ะจะอยู่ในซอกในหลืบ หากันไม่ค่อยเจอ รอบ ๆ ร้านดูคล้ายป่าชายเลน

โซนเขาสามมุข

1. ร้านวังมุข (กลางวัน-กลางคืน)

ที่ตั้ง บนเขาสามมุข ขับตามป้าย
เมนูเด็ด อาหารทะเลทุกชนิด ไม่มีหมูกับไก่ให้กิน มีแต่ทะเลล้วน ๆ ขอแนะนำปูทะเลนึ่ง กิโลละ 500 บาท ตัวใหญ่มาก ใครที่ชอบกินปูจะได้อร่อยกับเนื้อปูเต็ม ๆ , ปลาเก๋าทอดราดน้ำปลา, ปลาเก๋าสามรส ร้านนี้มีกั้งด้วย ราคาประมาณกิโลละ 700 บาท แต่เคยสั่งกั้งทอดกระเทียมของร้านนี้มากินแล้วไม่ค่อยประทับใจ เพราะไม่ค่อยมีเนื้อ มีแต่โครงกั้ง สู้สั่งกุ้งมากินไม่ได้

2. ร้าน Relax (กลางคืน)

ที่ตั้ง จากอ่างศิลาขับรถมาเหมือนจะมาเขาสามมุข แต่ไม่ต้องเลี้ยวขวาขึ้นเขา ให้ขับลงเนินมาอีกนิด จะเจอป้ายบอกทางให้เลี้ยวขวาเพื่อไปร้าน Relax ร้านออกแนวกึ่งผับ มีดนตรีเล่นด้วย บรรยากาศดี ร้านสวย มีทั้งส่วนกลางแจ้งและในร่ม
เมนูเด็ด แกงส้ม สลัดกุ้งกรอบ-เป็นกุ้งทอดแล้วราดด้วยน้ำสลัด แต่จะมีอีกอย่าง เป็นกุ้งทอดเหมือนกันแต่ราดด้วยน้ำมะขาม จำชื่อไม่ได้ ลองดูตรงเมนูแนะนำของร้าน และที่ห้ามพลาดเลยคือหมูย่าง

3. ร้าน The Sea (กลางคืน)

ที่ตั้ง อยู่ข้าง ๆ ร้าน Relax ข้อ 2. บรรยากาศคล้าย ๆ กัน แต่ออกแนวครอบครัวมากกว่า ไม่มีดนตรีเล่น แต่มีห้องคาราโอเกะ
เมนูเด็ด ปลาทอดราดน้ำปลา ความจริงเป็นเมนูพื้นฐานของทุกร้านในชลบุรี แต่แตกต่างจากร้านอื่น ๆ ตรงที่เขาจะไม่เอาปลาทั้งตัวลงไปทอด แต่จะสับเป็นชิ้น ๆ ก่อน เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มมะม่วงสับ ถ้ามากันหลายสิบคนอาจได้อาหารช้า เคยสั่งกุ้งอบวุ้นเส้นมากินพอเปิดฝาหม้อแล้วได้กลิ่นไหม้

โซนแหลมแท่น

1. ร้านปะการัง (กลางวัน-กลางคืน)

ที่ตั้ง แถว ๆ วงเวียนเล็ก แหลมแท่น ร้านโทนสีขาวยื่นออกไปในทะเล ถ้าดูละครไทยหรือมิวสิกวีดีโออาจจะเคยเห็นร้านปะการังเป็น background บ้างประปรายโดยเฉพาะฉากที่พระเอก-นางเอกไปนั่งกินข้าวกันริมทะเล ณ ร้านที่เงียบสงบแห่งหนึ่งในบรรยากาศโรแมนติก
เมนูเด็ด อาหารทะเลทุกชนิด

2. ร้านปูเสื่อนั่งกิน (กลางคืน)

ที่ตั้ง ที่จริงคือร้านรถเข็นหลาย ๆ ร้านรวมตัวอยู่ด้วยกัน แต่แขกที่มากินต้องไปนั่งล้อมวงกินบนเสื่อซึ่งแต่ละร้านจะบริการให้แถวลานกว้างฝั่งทะเลของแหลมแท่น ได้บรรยากาศแบบกันเอง ๆ ดี ถ้าจะมากินใส่กางเกงมาจะดีกว่าใส่กระโปรง จะได้นั่งขัดสมาธิบนเสื่อได้สะดวก ซื้ออาหารจากที่อื่นมานั่งกินได้ด้วย เขาไม่ว่า พอนั่งบนเสื่อจะมีคนเอาเมนูมาให้ดู อยากกินอะไรก็สั่งกับเขาได้เลย เขาจะยกมาเสิร์ฟให้ถึงเสื่อ เราไม่ต้องไปเดินซื้อเอง มีแก้ว จาน ชาม ช้อน ให้พร้อม
เมนูเด็ด อาหารทะเลและอีสาน , ส้มตำปู-ปลาร้า ใครที่กินส้มตำปลาร้าได้ขอแนะนำให้สั่งมากินเลยนะ นัวคั่ก ๆ ขอบอก ตำได้ถึงรสถึงใจ เผ็ดกำลังดี ใส่พริกแห้งและมะกอกด้วย หอมกลิ่นปลาร้าและมะนาวผสมกัน , กุ้งเผา-ตัวใหญ่ใช้ได้เลย เกินกว่าที่จะเป็นกุ้งเผาจากร้านรถเข็นธรรมดา ๆ , ต้มยำก็อร่อย ทั้งน้ำข้น-น้ำใส สั่งตามชอบ

3. ร้านชายทะเลบางพระ

ที่ตั้ง ชื่อร้านมีคำว่าบางพระแต่ตั้งอยู่ที่แหลมแท่นก็จริง ที่แท้คือสาขาที่ 2 ของร้านชายทะเลบางพระนั่นเอง สาขาแรกก็ตามชื่อเลย ตั้งอยู่ที่บางพระ สำหรับสาขาแหลมแท่นอยู่คนละฝั่งกับร้านปะการังข้อ 1 เยื้อง ๆ กัน หาไม่ยาก
เมนูเด็ด เย็นตาโฟทะเลหม้อไฟ ใครที่เคยกินเย็นตาโฟตามร้านก๋วยเตี๋ยวที่ใส่แต่ของพื้น ๆ ให้ลองมากินเย็นตาโฟทะเลหม้อไฟของร้านนี้ดู ใส่แต่ของดี ๆ ชิ้นโต ๆ เช่น กุ้งชุบแป้งทอด ปลาหมึกสด ปลาหมึกกรอบ เนื้อปลา ลูกชิ้นปลา ฯลฯ เป็นเมนูขึ้นชื่อของร้านนี้เลยนะ หม้อนึงกินได้ประมาณ 3 คนหรือมากกว่านั้น ถ้าไป 1-2 คนกลัวกินไม่หมดจะสั่งเป็นชามก็ได้ , น้ำพริกไข่ปูผักสด อันนี้ก็อร่อย อาหารทะเลอื่น ๆ ก็มี

โซนบางแสน

1. Bakery shop ของโรงแรม The Tide Resort (เช้า-กลางวัน-กลางคืน)

ที่ตั้ง เป็น shop เล็ก ๆ อยู่ด้านหน้าโรงแรมติดถนน ใกล้กับสปา ถ้าใครไปพักที่ The Tide แล้วเห็นเค้กน่ากินอยู่ในห้องอาหารของโรงแรมก็คือมาจากร้านนี้นั่นเอง แนะนำให้เดินมาเลือกที่ร้านเลยจะดีกว่า ร้านเล็ก ๆ น่านั่ง มีทั้งที่นั่งด้านในและด้านนอกร้าน
เมนูเด็ด อาหารเช้า-set โปรโมชั่น ไม่แน่ใจว่าตอนนี้ยังมีอยู่หรือเปล่า เป็น American breakfast ธรรมดา ถ้าจำไม่ผิดชุดละ 49 บาท ประกอบด้วย แฮม ไส้กรอก ไข่ดาว ขนมปังปิ้ง+แยม ชาหรือกาแฟ , ส่วนขนมอื่น ๆ ในร้านจะเน้นเค้ก ไม่เน้นขนมปัง แนะนำบลูเบอรี่ชีสเค้ก เค้กชาเขียว , อื่น ๆ มีคุกกี้ ,ไอศกรีมเป็น scoop

2. ตลาดหน้า ม. บูรพา (กลางคืน)

ที่ตั้ง ฝั่งตรงข้าม ม.บูรพา ตรงกับทางเข้าหลักและป้ายของ ม.
เมนูเด็ด มีอาหารเกือบทุกประเภท ที่ตลาดกลางคืนควรจะมี ที่ประทับใจจะมี ผัดไทยทะเล น้ำเต้าหู้ใบเตย ปาท่องโก๋สังขยา (ปาท่องโก๋ชิ้นเล็ก ๆ ใส่งาดำด้วย) ข้าวต้มปลา-ทะเล ส้มตำ ยำ-มีร้านยำหลายร้าน แต่ที่อร่อยสุดและคนเยอะ จะเป็นร้านที่หันหน้าร้านมาทาง ม. บูรพา ใกล้กับสะพานลอย ตัวร้านอยู่ลึกจากระดับทางเดินปกติหน่อยนึง (จะมีร้านยำอีกร้านนึง หันหลังร้านให้สะพานลอย อันนี้ไม่ใช่) แนะนำยำมาม่าทะเล , โจ๊ก , นมสดปั่นโอริโอ, คิทแคท, เยลลี่ ,

3. ร้านชบา (กลางคืน)

ที่ตั้ง อยู่ฝั่งเดียวกับกาแล็กซี่ จากแยกบางแสนขับเลยกาแล็กซี่มาหน่อย
เมนูเด็ด ขายบุฟเฟ่ต์หมูกะทะ กับบุฟเฟต์สเต็กหมู ไก่ ปลา ราคาเท่ากัน 79 บาท หมายความว่าจ่าย 79 บาทจะได้กินอย่างใดอย่างนึงเลือกเอาระหว่างหมูกะทะกับสเต็ก ไม่รวมเครื่องดื่ม อาหารเสริมอื่น ๆ ก็เหมือนกับบุฟเฟต์ที่อื่น ข้าวผัด ลูกชิ้นทอด ส้มตำ หมี่หยก ยำ ผลไม้ ของหวาน ฯลฯ ใช้ร่วมกันทั้ง 2 บุฟเฟต์ แต่ของสเต็กจะมีให้ตัก ขนมปังปิ้ง สลัด ด้วย ซึ่งคนที่กินบุฟเฟต์หมูกะทะจะไปเอาขนมปังปิ้งกับสลัดไม่ได้

4. ร้านข้าวต้มพระรถ (กลางคืน)

ที่ตั้ง เส้นสุขุมวิท ฝั่งตรงข้ามกาแล็กซี่
เมนูเด็ด ข้าวต้มกุ๊ยกับข้าวตามสั่ง ที่เคยกินแล้วประทับใจจะมี ไข่เจียวหมูสับ คะน้าปลาเค็ม

เส้นสุขุมวิทตั้งแต่ห้าง Lotus ไปจนถึงเส้นเลี่ยงหนองมน

1. ร้านขายขนมไทย ห้าง Lotus สาขา อ.เมืองชล (กลางวัน-กลางคืน)

ที่ตั้ง ภายในห้างแถว ๆ Food center ตรงโซนที่ต้องซื้อด้วยเงินสด ใกล้ร้านหนังสือ SE-ED
เมนูเด็ด ขนมไทยนานาชนิด ทั้งแบบ basic และหากินได้ยาก ทำออกมาชิ้นใหญ่ ๆ สีสันน่ากิน กลิ่นหอมหวานชวนรับประทาน แค่เดินผ่านก็อยากซื้อแล้ว ที่เคยกินแล้วชอบจะมี ฟักทองสังขยา สาเกเชื่อม ขนมอะไรสักอย่างที่คล้ายทองหยอดชิ้นใหญ่แต่ข้างในเป็นเผือก

2. ตลาดนัดจตุจักร (กลางคืน เปิดเฉพาะ พุธถึงอาทิตย์ )

ที่ตั้ง โซนอาหารภายในตลาดนัดจตุจักร
เมนูเด็ด ฝรั่งสดจิ้มน้ำตาลปึก (ใกล้ร้านขายพวงมาลัยดอกไม้) , ร้านขนมไทย (อยู่ด้านหน้าโซนอาหารเลย) , ส้มตำผลไม้ (ตรงข้ามร้านขายพวงมาลัยดอกไม้), หมูปิ้งรสเด็ด (อยู่ติดกับส้มตำผลไม้) , ร้านสลัดผัก-ขอแนะนำ ต้องกินให้ได้ อร่อยมาก ส่วนตัวคิดว่าเป็นสลัดที่อร่อยที่สุดตั้งแต่เคยกินมาเลย ผักสดมาก สะอาดด้วย กินแล้วรู้สึกได้เลยว่าล้างและหั่นผักได้สะอาดจริง ๆ มีนำสลัดให้เลือกเยอะแยะ สูตรเฉพาะของร้านเพราะเขาทำเอง ทั้งน้ำใสและน้ำข้น เช่น น้ำสลัดแบบมาตรฐาน น้ำสลัดบลูเบอรี่ สตรอเบอรี่ กีวี่ แครอท ฟักทอง ฯลฯ ขายเป็นขีด ๆ ส่วนน้ำสลัดขายแยกต่างหาก ซองละ 10 บาท , ผัดไทยกุ้งสด-หอยทอด 20 บาท (ติดกับร้านหมูสะเต๊ะ) - ไม่ได้อร่อยมาก แต่อร่อยเกินกว่าจะราคาแค่ 20 บาท ได้เยอะด้วย ไม่แน่ใจว่าเขาได้กำไรหรือเปล่า ทั้งค่ากุ้ง ค่าไข่ ค่าแก๊ส , ซูชิประปราย 3-4 ร้าน , ร้านน้ำปั่นประปรายเช่นกัน, หอยทอดกะทะร้อน, สเต็ก, ข้าวคลุกน้ำพริก, ร้านเบเกอรี่ตรงข้ามร้านกิ๊บติดผมเพชร ๆ - ขายขนมปังราคาถูกมาก อร่อยด้วย อย่าพลาด...แยมโรลเผือกมะพร้าวอ่อน เอแคลร์ ชิฟฟ่อน เค้กกล้วยหอม , ข้าวเหนียวมะม่วง ปอเปี๊ยะสด , แปะก๊วยมะพร้าวน้ำหอม ฯลฯ, จากโซนอาหารเดินในทิศทางเดียวกับถนนสุขุมวิทมายังอีกฝั่งนึง ตรงข้ามร้านขายยาจะมีร้านขายยำลูกชิ้นปลา-ยำมาม่าอยู่ แซ่บดี

3. ร้านบะหมี่หน้า 7-11 (กลางคืน)

ที่ตั้ง จากตลาดนัดจตุจักรข้อ 2. ขับรถมุ่งหน้าจะไปทางเลี่ยงหนองมน มาอีก 500 เมตรเจอกับ 7-11 สาขาแรกซ้ายมือก่อนถึงทางเลี่ยงหนองมน หน้า 7-11 มีร้านบะหมี่อยู่ด้านหน้าพอดี
เมนูเด็ด บะหมี่หยก-เหลือง เกี๊ยว ข้าว กินกับ หมูแดง หมูกรอบ เป็ดย่าง แนะนำให้สั่ง บะหมี่เกี๊ยวหมูกรอบแห้ง

4. ร้านขนมจีนสด (กลางวัน)

ที่ตั้ง เลี้ยวซ้ายเข้าทางเลี่ยงหนองมน ขับตรงมาเรื่อย ๆ ผ่านสี่แยกไฟแดง ตรงมาเรื่อย ๆ อีก จะเริ่มเจอร้านอาหารให้ชะลอรถ มองหาร้านที่เขียนว่ามีขนมจีนสด ข้าวแกง หมูสะเต๊ะ อะไรประมาณนี้
เมนูเด็ด ขนมจีนน้ำยากะทิ น้ำยาป่า แกงเขียวหวาน ข้าวราดแกง หมูสะเต๊ะ ส้มตำ ก๋วยเตี๋ยวหลอด ของหวาน จริง ๆ ไม่ถึงกับอร่อยมาก แต่มีหลายอย่างให้เลือก และร้านจัดได้ดี น่านั่ง จึงทำให้อาหารดูน่ากินไปด้วย

โซนบางพระ

1. ก๋วยเตี๋ยวเป็ดก๋งเขม (กลางวัน)

ที่ตั้ง ออกจากทางเลี่ยงหนองมน หรือขับตามเส้นสุขุมวิทจากหนองมน มุ่งหน้ามายังบางพระ ผ่านปั๊ม JET บางพระไปสักระยะนึง ร้านอยู่ขวามือ ให้ U-turn กลับมา
เมนูเด็ด ก๋วยเตี๋ยวเป็ดตุ๋นสูตรเก่าแก่ของร้านหลายสิบปี แนะนำว่าให้ใส่น้ำพริกเผาลงไปด้วย แซ่บดี เป็ดเปื่อย แกะออกง่าย ไม่คาว

2. ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลานายใช้ (กลางวัน)

ที่ตั้ง จริง ๆ ตั้งอยู่ใกล้หนองมนมากกว่าบางพระ แต่ถ้ามาจากกรุงเทพต้องขับเลยหนองมนมาสักพักก่อน จะเห็นร้านอยู่ขวามือ ให้ U-turn กลับมา ร้านอยู่ใกล้ ๆ กับเมืองไทยประกันชีวิตสาขาหนองมน
เมนูเด็ด ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาทำเอง รสชาติออกหวานไปนิด ให้ชิมก่อนปรุง , เกี๊ยวทอด-มีแต่แผ่นเกี๊ยวเอาไปทอด ข้างในไม่มีอะไร เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มไก่ ไม่อร่อย กินแล้วให้ความรู้สึกเหมือนกินแป้งทอดธรรมดา , ไอติมทุเรียน Home made

3. ร้านลุงรัน (กลางวัน-กลางคืน)

ที่ตั้ง ขับตามเส้นสุขุมวิทจากหนองมนมาทางบางพระ อยู่ซ้ายมือข้าง ๆ สถานีตำรวจทางหลวง
เมนูเด็ด อาหารทะเลทุกประเภท แต่ให้ในปริมาณเยอะมาก อย่าสั่งเยอะ เดี๋ยวกินไม่หมด ถ้ายังไม่เคยไปให้สั่ง 2-3 อย่างก่อน เพื่อกะปริมาณ ที่เคยกินแล้วประทับใจ คือ พล่าปลากุแล แต่ปลาหมึกผัดไข่เค็มไม่ค่อยอร่อย ให้ไปกินที่ร้านเจ๊แจ๋ว แหลมฉบังแทน

4. ร้านลุงตาก (กลางวัน-กลางคืน)

ที่ตั้ง อยู่ถัดร้านลุงรันไปหน่อยนึง แนะนำให้นั่งในร้านดีกว่านั่งนอกร้าน เพราะเคยเจองูที่พงหญ้านอกร้านมาแล้ว เมื่อก่อนร้านอยู่ริมทะเลที่บางพระ ต่อมาย้ายมาอยู่ข้างสถานีตำรวจทางหลวง
เมนูเด็ด อาหารทะเลทุกชนิด

5. ร้านผัดไทยไข่ปู (กลางวัน)

ที่ตั้ง ก่อนถึงปั๊ม ปตท. บางพระ ป้ายสีแดง
เมนูเด็ด ผัดไทยไร้เส้น มีเส้น ใส่ไข่ปู เสิร์ฟพร้อมเกี๊ยวทอด ผักสดและมะม่วงสับ มีผักแปลก ๆ หั่นเป็นแว่น ๆ สีเขียว รสชาติออกเปรี้ยวคล้ายมะยมแต่ไม่ฝาด กินกับผัดไทยอร่อยดี ผัดไทยออกรสหวาน ให้ชิมก่อนปรุง , ข้าวคลุกกะปิ, ก๋วยเตี๋ยว, อาหารตามสั่ง ตามโต๊ะจะมีขนมถ้วยวางอยู่ด้วย

6. ร้านข้าวเหนียวครูอ้อ (กลางวัน)

ที่ตั้ง ตรงข้ามปั๊ม ปตท. บางพระ ป้ายเห็นชัดเจน
เมนูเด็ด ร้านข้าวเหนียวชื่อดังของจังหวัดชลบบุรี มีข้าวเหนียวหลายแบบให้เลือก ทั้งข้าวเหนียวมูลสีขาวมาตรฐาน ข้าวเหนียวสีดอกอัญชัญ และสีอื่น ๆ กินกับหน้าสังขยา ปลาแห้ง หรือหน้ากุ้ง แต่อร่อยสุดและขึ้นชื่อสุด ต้องข้าวเหนียวมะม่วง มะม่วงสุกของร้านครูอ้อจะมีขายตลอดปี (ไม่รู้ไปเอามาจากไหน) ลูกใหญ่ ผิวสวยเนียนกลมเกลี้ยง สีเหลืองทองอร่าม ขายกิโลเป็นร้อย แต่ถ้าซื้อเป็นชุดข้าวเหนียวมะม่วง 50 บาท ก็จะได้มะม่วงที่ปอกและหั่นเป็นชิ้น ๆ แล้ว 1 ลูก วางโปะอยู่บนหน้าข้าวเหนียวมูล ราดน้ำกะทิ โรยถั่วเหลืองซีกสักหน่อย อร่อยคุ้มกับ 50 บาทมาก ๆ แต่ถ้าเป็นฤดูมะม่วงอาจจะคิดว่าแพงไป ในร้านมีขนมไทยอื่น ๆ ให้เลือกซื้อด้วย เช่น ขนมสอดใส้ ขนมชั้น วุ้นมะพร้าว ลูกตาลเชื่อม ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทองบางปะกง (ขนมบ้านป้านงค์) ซึ่งถ้าขายในร้านข้าวเหนียวครูอ้อจะขายแพงกว่าแถวบางปะกงนะ ขนมหากินยากอย่าง จ่ามงกุฏก็มี จ่ามงกุฎเป็นขนมที่มีมาตั้งแต่สมัยตอนต้นกรุงรัตนโกสินทร์แล้ว เดี๋ยวนี้แทบไม่ค่อยเห็นใครทำขาย

7. เปรมสุขเบเกอรี่ (กลางวัน)

ที่ตั้ง ติดถนน ใกล้บริเวณตลาดบางพระ
เมนูเด็ด ร้านเบเกอรี่ดังของฝั่งศรีราชา (เขาว่ามางั้น) แต่กินแล้วก็รู้สึกธรรมดา เคยกิน ช็อคบอล เอแคลร์ ขนมปังแผ่นของร้านนี้ก็อร่อยดี แต่คิดว่า Yamasaki หรือ S&P อร่อยกว่า แต่ถ้าอยากลองดูก็ได้ ด้านหน้าร้านมีขายกับข้าวพวก ก้ามปูแกะแล้ว-กินง่าย ชิ้นใหญ่ ถ้านึกถึงก้ามปูอร่อย ๆ ก็จะมาซื้อที่นี่ประจำ น้ำพริกมะขาม น้ำพริกไข่ปู กุ้งนึ่ง ปลาทอด หอยแครงลวก ฮอยจ๊อ ไอติมกะทิ

8. ส้มตำคอเขา (กลางวัน)

ที่ตั้ง จากสามแยกบางพระ ขับมาทางศรีราชา ขึ้นเนินถนนจะเห็นทางซ้ายมือมีป้ายสีเหลืองชี้เข้ามา บอกทาง "บางพระอพาร์ตเมนต์" ให้เลี้ยวซ้ายเข้ามา จะเจอกับทางรถไฟทันที ขับข้ามทางรถไฟมาหน่อยเดียวจะเห็นบางพระอพาร์ตเมนต์อยู่ซ้ายมือ ส้มตำคอเขาอยู่ขวามือ
เมนูเด็ด อร่อยทุกอย่างโดยเฉพาะส้มตำ เขาสับมะละกอเส้นใหญ่ดี ถ้าเส้นเล็กส้มตำจะเละ โดยเฉพาะตำปลาร้าอร่อยมาก หอมกลิ่นปลาร้าและมะนาวลอยฟุ้งมาจากจานตั้งแต่ยังไม่ได้ตักชิม หมูย่าง ไก่ย่าง ตับย่างก็อร่อย เวลาเสิร์ฟจะโรยกระเทียมเจียวมาให้ด้วย ดูน่ากิน กินกับน้ำจิ้มสีเข้มใส่งาขาว อื่น ๆ ก็มี ซุปหน่อไม้ ยำ น้ำตก ต้มแซ่บ

9. ร้านชายทะเลบางพระ (กลางวัน-กลางคืน)

ที่ตั้ง สี่แยกเดียวกันกับส้มตำคอเขาข้อ 8 แต่แทนที่จะเลี้ยวซ้ายจากสุขุมวิท ก็เลี้ยวขวาแทน ทางเข้าเดียวกับวัดเขาพระบาทบางพระ ขับผ่านหน้าวัดไป มุ่งหน้าลงไปยังทะเล เจอสะพานข้ามคลอง ขับไปอีกนิด จะเจอสามแยก ให้เลี้ยวซ้าย ขับตามทางเป็นรูปครึ่งวงกลมก็จะโผล่มาเจอทะเลบางพระและร้านชายทะเลบางพระอยู่ขวามือพอดี
เมนูเด็ด เหมือนโซนแหลมแท่น ข้อ 3. ร้านชายทะเลบางพระ เครือเดียวกัน

ที่มา: http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=5833.0

วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ตลาดน้ำตลิ่งชันกรุงเทพฯ (เปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดเทศกาล ตั้งแต่ 8 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็น)


ตลาดน้ำตลิ่งชัน /คลองชักพระ

ตลาดน้ำตลิ่งชัน ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำบางขุนศรี

มีพ่อค้าแม่ค้าพายเรือขายอาหาร ผักผลไม้ต่างๆ ทั้งบนโป๊ะและในคลอง เช่น กั๋วเตี๊ยว ขนมไทย ผลไม้ต่างๆ ฯลฯ บนตัวตลาดเองอยู่บนบกริมคลองหน้าสำนักงานเขตตลิ่งชัน มีร้านอาหารและแผงลอยขายต้นไม้ประดับ ของตกแต่ง อาหาร ต่างๆ

การเก็บพืชผัก ผลไม้ จากไร่สวนมาขายทำให้ผลผลิตที่วางเรียงรายขาย จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปตามฤดูกาล บางคนก็แปลงกายจากแม่บ้านเป็นแม่ค้าโชว์ฝีมือทำอาหารรสเด็ดตามสไตล์ที่ถนัด ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นหนักไปที่ของหวานและอาหารรสจัด รสชาติไทยแท้แบบดั้งเดิม

ต้นไม้และ กล้วยไม่นานาพันธุ์ที่เพาะส่งตรงมาจากสวนส่วนตัว

ร้านหมูสะเต๊ะ ริมทางเดินก่อนลงโป๊ะซึ่งต้องขอยกนิ้วให้กับน้ำจิ้มสูตรเด็ด ที่บดถั่วลิสงหยาบๆ ผสมลงไปด้วย ความกรุบกรอบ น้ำจิ้มที่หวานมันกับเนื้อหมูนุ่มเข้ากันอย่างลงตัว

ร้านขนมเบื้องญวณ คนขายหน้าตาอิ่มเอิบดุใจดีนั่งขายอยู่ไม่ไกลจากทางลงแพ การันตีว่าขนมเบื้องญวณร้านนี้ ครบเครื่องสูตรแท้ดั้งเดิม ยิ่งเมื่อตักเป้นคำเล็กๆ ทานคู่กับอาจาดความหวานของไข่จะคลุกเคล้ากับส่วนผสมข้างในเป็นอย่างดี

นอกจากที่กล่าวมาแล้วนี้ยังมีร้านที่รสชาติดีรอให้คุณไปลิ้มลองด้วยตัวเอง อีกมาก อย่างเช่น ก๋วยเตี๋ยว หอยทอด ส้มตำ ก๋วยจั้บ เต้าหู้ทอด ปลาเผา ปลาดุกย่าง ของหวานก็มีหลายอย่าง ฯลฯ ซึ่งรับประกันเลยว่าอร่อยเด็ดทุกร้านเพราะต่างทำด้วยฝีมือเน้นๆ และใจรักที่จะขายล้วนๆ

แถบฝั่งธนจะมีสวนกล้วยไม้สำหรับตัดดอกมาขายกันเยอะ ดังนั้นจึงมีดอกกล้วยไม้มาขายกันมากมายหลายชนิด และมีต้นไม้ีให้เลือกซื้อกลับไปปลูกกันที่บ้านกันอีกด้วย

หลังจากที่หนังท้องตึงก็ถึงเวลาผ่อนคลายกันด้วยกิจกรรมเบาๆ แต่ฮอตฮิตเป็นอย่างมากสำหรับผู้มาเยือนที่นี่ นั่นคือ การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ นั่งเรือทัวร์คลอง สัมผัสบรรยากาศและธรรมชาติอันหลากหลาย ของสองฟากฝั่งคลอง โดยพาหนะที่ช่วยโน้มดึงให้ผู้มาเยี่ยมเยียนกลมกลืนไปกับสายน้ำแห่งนี้มาก ขึ้น คือเรือหางยาวท้องแบนรูปตัววี ซึ่งในปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีให้ได้พบเห็นกันแล้ว
ราย รอบสองข้างทางระหว่างนั่งเรือ ภาพที่ปรากฏให้เห็นคล้ายเป็นภาพอันสวยสดในโปสต์การ์ดหลุดออกมา ไม่ว่าจะเป็นภาพเด็กกระโดดลงเล่นน้ำริมคลองอย่างสนุกสนาน การซื้อของข้ามคลองโดยการชักรอก ต้นลำพูที่ปล่อยรากอากาศยาวหยอกล้ออยู่กับแม่น้ำ รวมไปถึงบ้านเรือนไทยซึ่งปลูกสร้างอย่างสวยงาม
รวมถึงการได้ชมความงามของวัดวาอารามเก่าแก่ริมฝั่งคลอง ซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยปลายกรุงศรีอยุธยาและต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ต่อด้วยความประทับใจที่ไม่มีวันลืมกับการได้สัมผัสประเพณีเก่าแก่ ลอดใต้อุโบสถให้สูงขึ้นจากพื้น 2 เมตร พร้อม

ทำบุญให้อาหารปลาบนเรืออย่างสนุกสนานอีกด้วย ปล่อยเต่าน้อย ปล่อยปลา นานาชนิด

ความครบครันของวิถีชีวิต ธรรมชาติ และ บรรยากาศในตลาดน้ำตลิ่งชันที่ไหลวิ่งเวียนวนอยู่คู่กับชาวบ้านมานานแสนนาน เป้นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยยกระดับให้เมืองกรุงพร้อมอวดโฉมรับสมญานาม “เวนิสตะวันออก”อย่างเต็มภาคภูมิมากยิ่งขึ้น

จุดเด่นของตลาดน้ำคือ

การที่ได้นั่งเรือหางยาวเที่ยวชม วิถึชีวิตริมคลองบางกอกน้อย คลองบางเชือก มากกว่าเดินซื้อของริมตลาด

มีบริการผู้ใหญ่ราคา 90 บาท
เด็ก 50 บาท ต่ำกว่า 2 ขวบไม่คิด
วันอาทิตย์มีรอบพิเศษ เวาลา 13:00-16:00 น. นั่งเรือชมธรรมชาติ ชมสวนงูธนบุรี นมัสการหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ผู้ใหญ่ 120 บาท เด็ก 60 บาท


เรือทัวร์ 3 ตลาด เริ่ม 9:30 น. 99 บาท
นั่งเรือ ชมสวนกล้วยไม้ มีรอบ 11:00 น. 99 บาท



รายละเอียดเกี่ยวกับตลาดน้ำตลิ่งชัน
ที่ตั้ง : บริเวณหน้าสำนักงานเขตตลิ่งชัน แขวงคลองชักพระ เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ
เปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่ 8 โมงเช้า ถึง 4 โมงเย็น

ที่ จอดรถ : ลานจอดรถของ สนง.เขตตลิ่งชันเลย ถ้าเต็มให้ขับรถตรงออกมา จะมีที่จอดรถของเขตอีกที่นึงทางด้านซ้ายมือ (อยู่ใกล้เคียงกับ วัดกาญจนสิงหาสน์ วัดรัชฏาธิฐาน วัดเรไร ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร)

การเดินทาง :

วิธีที่ 1 (จาก ถ. รัชดาภิเษก) ~25 กม.
วิ่งถ.รัชดาภิเษก ,ลงอุโมงค์ห้วยขวาง, ขึ้นสะพานข้าม ถ. วิภาวดีรังสิต, แยกประชานุกูล, ลงอุโมงค์ เลี้ยวซ้ายเข้าถ.บางขุนนนท์ ไปตามป้ายสำนักงานเขตตลิ่งชัน

วิธีที่ 2
รถยนต์ส่วนตัว ใช้ถนนบรมราชชนนี โดยถ้าใช้ถนนพื้นราบ มาจากทางสะพานกรุงธนหรือสะพานพระปิ่นเกล้าพอข้ามสะพานข้ามคลอง (ที่มีขนส่งสายใต้อยู่ทางซ้าย) ก็ให้ชิดซ้ายสุดเข้าทางคู่ขนาน แล้ว เลี้ยวซ้าย เข้าซอยแรกทันที ตรงนี้ต้องขับรถระวังหน่อยเพราะต้องรีบชิดเข้าซ้าย พอเข้าซอยมาได้แล้วก็มา เลี้ยวขวา ที่แยกแรกที่เจอ แล้วตรงไปจนเจอสามแยก เลี้ยวซ้าย เข้าไปก็จะถึงแล้ว

วิธีที่ 3
ถ้าใช้ทางยกระดับคู่ขนานลอยฟ้าฯ มาจากสะพานพระราม 8 ขาออก หรือปิ่นเกล้าให้ใช้ทางออก ตลิ่งชัน ลงมา วิ่งผ่าน สน.ตลิ่งชันมานิดเดียวก็ ชิดซ้ายเลี้ยวเข้าถนนฉิมพลี ได้เลย สังเกตว่าแยกเข้าถนนฉิมพลีจะอยู่ตรงทางลาดขึ้นสะพานลอยกลับรถ ขับเข้ามาตามถนนฉิมพลีเรื่อยๆ ไม่ต้องเลี้ยวที่แยกไหน ก็จะมาเจอกับตลาดน้ำตลิ่งชัน ระวังอย่าขับเพลินเลยทางเลี้ยวเข้าถนนฉิมพลีไป เพราะเลยไปอีกนิดจะเป็นถนนราชพฤกษ์ ที่เลี้ยวซ้ายไปเพชรเกษมโน้นเลย

ขากลับ สำหรับใครจะใช้บรมราชชนนีขาเข้ากลับเข้ามา เพื่อจะข้ามสะพานพระปิ่นเกล้าหรือสะพานกรุงธน แนะนำว่าให้กลับออกมาทางถนนฉิมพลี คือ ถนนที่ถ้าเดินออกจากตลาดก็ตรงต่อไปเลย วิ่งตามทางไปเรื่อยพอมาถึงถนนบรมราชชนนีแล้ว ไม่ต้องวิ่งไปหาสะพานลอยกลับรถที่อยู่ไกล เราจะมาใช้ถนนราชพฤกษ์ช่วยพาเรากลับเข้าเมืองกัน
พอ เลี้ยวออกจากถนนฉิมพลีมาเข้าบรมราชชนนีกันแล้ว เลยมานิดเดียวก็ให้ เลี้ยวซ้าย เข้าถนนราชพฤกษ์ที่ชี้ว่าไป “เพชรเกษม” ได้เลย เข้าราชพฤกษ์มาจะมี ทางกลับรถลอดใต้สะพาน อยู่ข้างหน้า ให้กลับรถ มาแล้วชิดขวาเข้ามาในทางด่วนวิ่งข้ามบรมราชชนนีมา แล้วก็ ใช้ทางออกด้านซ้าย ตามป้ายชี้ทาง “ปิ่นเกล้า” มา แค่นี้ก็สามารถย้อนกลับเข้าเมืองมาได้แล้ว

รถประจำทาง สายที่ผ่านคือ สาย 79 (ราชประสงค์ - พุทธมณฑลสาย 2) เส้นทางจะผ่านหน้าตลาดพอดี
ทัวร์คลอง : เสาร์ - อาทิตย์ เวลา 10.00, 11.00, 13.00, 14.00 (เที่ยวละ 2 ชั่วโมง)
สอบถามรายละเีอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร. 0-2424-1712 , 0-2424-5448


source: http://travel.siam55.com/old-city-culture-ancient-history-travel/%e0%b8%95%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95%e0%b8%a5%e0%b8%b4%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b8%8a%e0%b8%b1%e0%b8%99.html

source: http://www.thai-tour.com/thai-tour/Bangkok/data/pic_talingchan-market.htm

ท่องทะเลผลไม้...เมืองระยอง

- สวนลุงทองใบ โทร. 089-810-6411 (เบอร์คุณสมยศ) และ 083-769-6172 (เบอร์คุณสมบัติภรรยาคุณสมยศ)

- สุภัทราแลนด์ 038-892048-9 และ 089-936-5933, 083-111-0984 (โชติชัย บัวดิษ ผู้จัดการทั่วไป)

- โรงแรมโกลเด้น ซิตี้ ระยอง 038-618701-15 และ 038-623101-10

- สวนผู้ใหญ่สมควร ‘บ้านแลง’ หมู่ 3 บ้านหนองพญา ต.บ้านแลง อ.เมือง ระยอง โทร. 081-761-9497, 081-991-3233

จะว่าไปแล้วระยองอยู่ไม่ห่างไกลจากกรุงเทพฯ ระยะทางเพียง 179 กิโลเมตเท่านั้น ใช้เวลาประมาณชั่วโมงเศษ หากใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ สำหรับวันนี้เราจะพาไปเที่ยวชมสวนผลไม้ สุภัทราแลนด์ กันก่อน จากนั้นมุ่งตรงไปยังตำบลหนองละลอก อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง โดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 3143 สวนสุภัทราแลนด์เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร เปิดให้เข้าชมเมื่อปี พ.ศ. 2540

บัตรเข้าชม ราคา 200 บาท (เด็ก 120) ชาวต่างชาติ 300 บาท มีรถพ่วงนำชม ก่อนออกเดินทางควรจะดื่มน้ำมะพร้าวปั่น (แจกฟรี) คนละ 1 แก้ว เพื่อเป็นการตัดกำลังตัวเอง (ฮา) ก่อนออกเดินทาง

พนักงานขับรถผู้เพียบพร้อมไปด้วยมุกตลก จะกล่าวต้อนรับอย่างเป็นทางการก่อนทำหน้าที่สารถี ชี้ชวนให้ชมต้นผลไม้สองฟากฝั่งถนนเล็ก ๆ

“…ตอนนี้สวนของเราพยายามจะปลูกผลไม้ให้หลากหลายขึ้น เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวชมและชิมได้ทั้งปี มีผลไม้ไม่ต่ำกว่า 15 ชนิด ซ้ายมือของผม คือ ต้นลิ้นจี่จากเชียงราย แต่เป็นพันธุ์ดูใบ นะครับ .... ทำไมนะเหรอ? ก็ตอนนี้มันมีแต่ใบนะสิครับ ก็เลยต้องดูใบไปก่อน ...” (ฮา)

หนุ่มไกด์ประจำรถโยนมุขจนรับไม่ทัน ชาวคณะจิตไม่นิ่งก็ต้องคอยตอบโต้ นึกในใจว่า ถ้าไม่มีพวกเราคอยตอบโต้จะเป็นยังไงนะ เราได้เห็นผลไม้บนต้นอย่างใกล้ชิด ทั้งมังคุด ทุเรียน เงาะ มะไฟหวาน ลองกอง กระท้อนห่อ แก้วมังกร ฯลฯ
ไกด์หนุ่มชี้ชวนให้ดูเงาะที่ยังไม่สุก พร้อมกับบอกว่า “ปีนี้เงาะไม่แดงเลยครับ เพราะมัวแต่ไปแดงที่พัทยา กับอนุสาวรีย์ กันหมด (ฮา) ไม่ใช่หรอกครับ ปีนี้ฤดูหนาวมันยืด ก็เลยทำให้ผลไม้ออกช้า ปกติช่วงนี้เงาะสุกแดงเต็มต้นแล้วครับ อาทิตย์หน้าผมว่าเงาะจะเริ่มสุก ส่วนขวามือนั่นเห็นไหมครับ สวยไหมครับ น้ำตกพันธมิตร .... (ผู้ชมถึงกับอึ้งตอบโต้ไม่ถูก หนุ่มก็เลยรีบเฉลยก่อนมุขจะแป้ก) ทำไมนะเหรอครับ นึกดูให้ดี ๆ ก็น้ำตกจำลองไงละครับ”

แล้วเราก็มาถึงจุดบุฟเฟ่ต์ผลไม้รวม ใครจะรับประทานผลไม้ชนิดไหน อย่างไร เท่าไหร่ไม่มีอั้น ซุ้มแรก เห็นพนักงานยืนเรียงแถวหน้ากระดานปอกเปลือกทุเรียนอย่างขมีขมัน อีกฟากฝั่งของโต๊ะ มีนักชิมทุเรียนยืนเรียงหน้ากระดาน รอรับ ชนิดปอกปุ๊บส่งปั๊บ มือเป็นระวิงทั้งสองฝ่าย

ซุ้มที่สองเป็นผลไม้รวม มีทั้ง มังคุด มะม่วงมหาชนกสุก และไม่สุก มะเฟืองหวาน ลองกอง ชมพู่ แก้วมังกร ขนุน ส้มโอ กล้วย เรียกได้ว่าใครมีเนื้อที่ในกระเพาะอาหารอยู่เท่าไหร่ โปรดปรานอะไร ไม่ต้องอายเพราะไม่มีใครว่า แถมยังมีห้องน้ำสะอาดบริการหลายห้อง
ช่วงที่เรากำลังเพลิดเพลินกับการชิมผลไม้อยู่นั้น สายฝนก็สาดลงมาอย่างแรง ....ทว่าติดฝนบนเกาะแห่งผลไม้รวมก็ดีเหมือนกัน ชิมไปเรื่อย ๆ จนกว่าฝนจะขาดเม็ดแล้วค่อยจากไปก็ยังไหว จากนั้นเราก็เดินทางต่อ ไกด์หนุ่มยังคงชี้ชวนให้ชมต้นสละ ให้ความรู้เกี่ยวกับต้นไม้ ที่ปลูกแบบไร้สารเคมี ให้ความรู้ในเรื่องแมลงศัตรูพืช เช่น

แผ่นสีเหลืองที่แขวนตามต้นทุเรียน ใช้ล่อแมลงให้มาติดกับ เพราะลำต้นมีตาข่ายดักแมลง แผ่นซีดีแขวนตามไร่องุ่นเพื่อหลอกตาแมลงไล่มันให้กลัวแล้วบินหนีไป เป็นต้น

ต้นมะขามป้อม มะยงชิด มะกอกฝรั่ง ฟักข้าว เสาวรส ฯลฯ ไม่มีโอกาสเล็ดลอดสายตานักท่องเที่ยวอย่างเราเลยแม้แต่น้อย รถพ่วงพาข้ามถนนใหญ่ไปอีกฟากฝั่งข้างโรงเรียนบ้านมาบตอง ไปดูไร่องุ่น เรือนกล้วยไม้ สวนยางพารา แปลงผักไฮโดรโพรนิค สวนลำไย ไร่แตงญี่ปุ่น ฯลฯ ก่อนแวะจอดจุดที่สอง เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ลิ้มรสส้มตำ และสลัดผักไฮโดรสดหวานกรอบ พร้อมน้ำสลัดเลิศรส สูตรของสุภัทราแลนด์

“ส้มตำและสลัดของเราก็กินได้ไม่อั้นนะครับ ส่วนองุ่นสดจากไร่ พนักงานจะเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ ส้มตำเรามีแต่ส้มตำไทยอย่างเดียว ไม่มีปู ไม่มีปลาร้า ไม่มีตำลาว แต่เราจะมีลาวตำให้กินนะครับ... ” (ไม่วายปล่อยมุก)

จากนั้นเราก็ไปชมราชินีผึ้ง และชิมน้ำผึ้ง 100% จุดนี้ชิมฟรีและจำหน่ายน้ำผึ้งให้กับนักท่องเที่ยว ที่นี่มีบ้านพักเพียง 3 หลังเท่านั้น ต้องโทรไปจองก่อน

ราคาหลังละ 1,200 บาท มี 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ มีเครื่องปรับอากาศทุกห้อง อุปกรณ์ทำครัว ทว่าไม่มีผ้าขนหนู สบู่ นักท่องเที่ยวต้องเตรียมไปเอง ไร่สุภัทราแลนด์ เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 09.00 - 21.00 น.

ในที่สุดเราก็ได้ท่องสวนผลไม้พื้นที่ 800 ไร่ เกือบค่อนวัน ก่อนที่จะอำลาไป เช็คอินเข้าที่พัก

คืนนี้เราพักในโรงแรมดีที่สุดของระยอง นั่นคือ โรงแรมโกลเด้น ซิตี้ ระยอง (Golden City Rayong Hotel) ถนนสุขุมวิท ตำบลเนินพระ จ.ระยอง ก่อนวันรุ่งของพรุ่งนี้ เราจะไปชมสวนผลไม้อีกแห่งหนึ่ง พร้อมรับประทานบุฟเฟ่ต์ผลไม้ที่

สวนลุงทองใบ สิงห์เขตร ตำบลตะพง อำเภอเมืองระยอง สวนแห่งนี้มีพื้นที่ 40 ไร่ ใช้แนวทางการเกษตรผสมผสานตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ปัจจุบัน คุณสมยศ กลิ่นขจร บุตรเขยของลุงทองใบเป็นผู้ดูแลบริหารจัดการ (เพราะว่าลุงทองใบเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อปลายปีก่อน)

“ที่นี่เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร มาได้ 4 ปีแล้วครับ ผลไม้ในสวนนี้มีทั้งหมด 7 อย่าง เปิดให้เข้าชมเฉพาะเดือนพฤษภาคม - มิถุนายน เก็บค่าเข้าชมคนละ 80 บาท จะมีชุดผลไม้ให้ ถ้าใครต้องการรับประทานอาหารพื้นบ้านระยองด้วย คิดคนละ 150 บาท มีคนนำชม นักท่องเที่ยวสามารถเก็บกินผลไม้บนต้นตามสมควร มีทั้งเงาะ มังคุด ลองกอง มะปราง” ลูกเขยลุงทองใบว่าอย่างนั้น

เสียดายที่นักท่องเที่ยวอย่างเราไม่สามารถเก็บทุเรียนกินบนต้นได้ (ฮา) ทว่าทางสวนได้จัดทุเรียนทั้งชะนี หมอนทอง พร้อมรับประทาน เสิร์ฟพร้อมเปลือกเพื่อให้ได้อรรถรสในการชิมข้าง ๆ ต้นทุเรียนกันเลยทีเดียว สวนลุงทองใบ ห่างจากถนนสุขุมวิทประมาณ 6 กิโลเมตร
วันนี้เราได้ชิมสำรับอร่อยตำรับพื้นบ้านเมืองระยอง ทั้ง น้ำพริกระกำ และ น้ำพริกกะปิ เสิร์ฟกับผักพื้นบ้านสมุนไพรลวกสุก แกล้มกับผักดองแบบพื้นบ้าน ก็คือ เขาจะนำถั่วงอก มะเขือเปราะซอยบาง ๆ แครอท ปรุงรสด้วยน้ำตาล กระเทียมโขลก พริกไทย เกลือ น้ำส้ม คลุกเคล้าให้ได้รสเปรี้ยวหวาน คลุกแล้วไม่ต้องค้างคืนรับประทานกับน้ำพริกได้เลย

ส่วนน้ำพริกระกำกับน้ำพริกกะปินั้น เหมือนกันทุกอย่าง เพียงแต่น้ำพริกระกำนั้นใช้ความเปรี้ยวจากระกำแทนมะนาวเท่านั้นเอง อีกเมนูเด็ดพื้นบ้านก็คือ แกงไก่ใส่มะเขือเม็ด น้ำแกงขลุกขลิก รสชาติจัดจ้าน เนื้อไก่ผสมเลือดไก่ มะเขือพวงเป็นเม็ด ๆ (ชาวระยองเรียกมะเขือพวงว่ามะเขือเม็ด)

ปลาต้มหวาน จานนี้แอบมีหมูหวานรสชาติถูกใจแนมมาด้วยกัน ชาวระยองเขามีวิธีหม่ำแบบนี้นี่เอง ต้มข่ากระดูกหมู คนแถวนั้นบอกว่า วิธีทำแบบเดียวกับต้มข่าไก่ แต่ไม่ใส่น้ำกะทิ และเปลี่ยนจากไก่เป็นกระดูกหมูอ่อน

อาหารสำรับนี้ทำให้เราอยากไปเยือนไร่ของลุงทองใบอีกครั้ง เพราะมื้อเดียวคงไม่พอ อยากจะขอทบทวนอีกหลาย ๆ ครั้ง เพราะอร่อยจริง ๆ ...

จากนั้นเราก็เดินทางไปชม สวนผู้ใหญ่สมควร แห่งบ้านแลง เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ชมต้นมังคุดอายุนับ 100 ปี ที่ยังฟอร์มสวย ออกผลเต็มต้น บุกไปชิมเงาะที่สุกเต็มต้น เพิ่งรู้ว่า เงาะสดจากต้นหวานอร่อยเพียงไร เพื่อนร่วมทริปถึงกับประกาศว่า ต่อไปนี้จะไม่ซื้อเงาะเน่า ๆ มากินอีกแล้ว ว่าแล้วก็ย้ายไปอยู่ระยองสัก 2 เดือน เลยดีไหมเพื่อน ?

สวนของผู้ใหญ่สมควร เพิ่งเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยว ผู้ใหญ่สมควร ศิริภักดี เป็นประธานกลุ่มแม่บ้าน (ปัจจุบันไม่ได้เป็นผู้ใหญ่บ้านแล้ว) ผลิตข้าวเกรียบสมุนไพรโอท็อป 5 ดาว ได้รางวัลที่ 1 ระดับจังหวัดและระดับเขต ได้รางวัลที่ 2 ระดับประเทศ ในฐานะของกลุ่มแม่บ้าน ‘บ้านแลงพัฒนา’ ผลิตข้าวเกรียบกุ้ง ฟักทอง ตำลึง ตะไคร้ สาหร่าย ใบกะเพรา มะกรูด มะละกอ และข้าวเกรียบทุเรียน ส่งออกอเมริกา

ใครต้องการชิมไปซื้อได้ที่ ห้างแหลมทอง 7 สาขาภาคตะวันออก และขายที่ตลาดน้ำ 4 ภาค เมืองพัทยา ที่ร้านอาหารสวนย่าสน ก็สั่งไว้จำหน่ายเช่นกัน

ส่วนใครต้องการท่องเที่ยวเชิงเกษตร โทร.038-914-086 และ 081-761-9497
ท่านผู้ว่า คุณสยุมพร ลิ่มไทย กล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรและวัฒนธรรม ให้เป็นเทรนด์ใหม่ในระยอง เปิดตัวด้วยเทศกาล ‘สีสัน ราย็อง’ และคำว่า ‘ราย็อง’ เป็นภาษาของชาวพื้นเมืองระยองนั่นเอง ช่วงนี้นักชิมผลไม้คงสนุกสนานกับการแหวกว่ายบนทะเลแห่งผลไม้ อย่างสนุกสนาน อย่าลืมไปชมและชิมกัน ตกทะเลผลไม้อร่อยได้สุขภาพ ไม่จมหรอก...

ที่มา: http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/life-style/travel/20090520/41200/ท่องทะเลผลไม้...เมืองระยอง.html

วันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ตำหนักเจ้าแม่กวนอิม โชคชัย 4 ซอย 39



"พระมหาเจดีย์พระพุทธเจ้าหมื่นพระองค์" เป็นพระมหาเจดีย์ที่สูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความสูงถึง 21 ชั้น ตามประวัติเล่าว่า เมื่อหลายพันปีก่อนองค์พระแม่กวนอิมมหาโพธิ์สัตว์ (อวโลกิเตศวร) ได้เคยเสด็จมาตั้งโพธิจิตที่จะสร้างพระมหาเจดีย์พระพุทธเจ้าหมื่นพระองค์ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ณ สถานที่แห่งนี้


> ตำหนักเจ้าแม่กวนอิม โชคชัย 4 ซอย 39 ในหนึ่งปีมีวันสำคัญของท่าน 3 วัน คือ วันประสูติ วันที่ 19 เดือน 2 วันตรัสรู้ วันที่ 19 เดือน 6 และวันออกบวช วันที่ 19 เดือน 9


ตำหนักพระแม่กวนอิม” ตั้งอยู่ที่ 4/37 หมู่ 10 ถนนโชคชัย 4 ซอย 39 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ การเดินทางสามารถเข้าได้หลายทาง หนึ่งในเส้นทางที่สะดวกก็คือมาจากทางถนนลาดพร้าว เลี้ยวเข้าซอยโชคชัย 4 แล้วตรงมาเรื่อยๆ ด้านซ้ายมือจะเจอกับ โชคชัย 4ซอย 39 เลี้ยวเข้าไปก็จะเจอกับตำหนักพระแม่กวนอิม สามารถจอดรถได้ทางขวามือ พระตำหนัก


เปิดทุกวัน เวลา 07.00-21.00 น.

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0-2539-6228


source:http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9520000033552

วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2552

คนไทยไม่ต้องขอวีซ่าใน 19 ประเทศ , อยู่ได้ 14-90 วัน

คนไทยไม่ต้องขอวีซ่าใน 19 ประเทศ , อยู่ได้ 14-90 วัน
กระทรวงการต่างประเทศเผย คนไทยไม่ต้องขอวีซ่าใน 19 ประเทศ ,
อยู่ได้ 14-90 วัน

ได้แก่ อาร์เจนตินา , บราซิล , ชิลี , เกาหลีใต้ และเปรู
ประเทศที่พำนักอยู่ได้ 30 วันได้แก่ ฮ่องกง , อินโดนีเซีย , ลาว , มาเก๊า , มองโก เลีย , มาเลเซีย , มัลดีฟส์, รัสเซีย, สิงคโปร์, แอฟริกาใต้ และเวียดนาม

ประเทศที่พำนักอยู่ได้ 21 วันได้แก่ ฟิลิปปินส์

ประเทศที่พำนักอยู่ได้ 15 วันได้แก่ บาห์เรน

ประเทศที่พำนักอยู่ได้ 14 วันได้แก่ บรูไนฯ

จึงเรียนมาเพื่อรับทราบโดยทั่วกัน