วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ตลาดน้ำตลิ่งชันกรุงเทพฯ (เปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดเทศกาล ตั้งแต่ 8 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็น)


ตลาดน้ำตลิ่งชัน /คลองชักพระ

ตลาดน้ำตลิ่งชัน ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำบางขุนศรี

มีพ่อค้าแม่ค้าพายเรือขายอาหาร ผักผลไม้ต่างๆ ทั้งบนโป๊ะและในคลอง เช่น กั๋วเตี๊ยว ขนมไทย ผลไม้ต่างๆ ฯลฯ บนตัวตลาดเองอยู่บนบกริมคลองหน้าสำนักงานเขตตลิ่งชัน มีร้านอาหารและแผงลอยขายต้นไม้ประดับ ของตกแต่ง อาหาร ต่างๆ

การเก็บพืชผัก ผลไม้ จากไร่สวนมาขายทำให้ผลผลิตที่วางเรียงรายขาย จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปตามฤดูกาล บางคนก็แปลงกายจากแม่บ้านเป็นแม่ค้าโชว์ฝีมือทำอาหารรสเด็ดตามสไตล์ที่ถนัด ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นหนักไปที่ของหวานและอาหารรสจัด รสชาติไทยแท้แบบดั้งเดิม

ต้นไม้และ กล้วยไม่นานาพันธุ์ที่เพาะส่งตรงมาจากสวนส่วนตัว

ร้านหมูสะเต๊ะ ริมทางเดินก่อนลงโป๊ะซึ่งต้องขอยกนิ้วให้กับน้ำจิ้มสูตรเด็ด ที่บดถั่วลิสงหยาบๆ ผสมลงไปด้วย ความกรุบกรอบ น้ำจิ้มที่หวานมันกับเนื้อหมูนุ่มเข้ากันอย่างลงตัว

ร้านขนมเบื้องญวณ คนขายหน้าตาอิ่มเอิบดุใจดีนั่งขายอยู่ไม่ไกลจากทางลงแพ การันตีว่าขนมเบื้องญวณร้านนี้ ครบเครื่องสูตรแท้ดั้งเดิม ยิ่งเมื่อตักเป้นคำเล็กๆ ทานคู่กับอาจาดความหวานของไข่จะคลุกเคล้ากับส่วนผสมข้างในเป็นอย่างดี

นอกจากที่กล่าวมาแล้วนี้ยังมีร้านที่รสชาติดีรอให้คุณไปลิ้มลองด้วยตัวเอง อีกมาก อย่างเช่น ก๋วยเตี๋ยว หอยทอด ส้มตำ ก๋วยจั้บ เต้าหู้ทอด ปลาเผา ปลาดุกย่าง ของหวานก็มีหลายอย่าง ฯลฯ ซึ่งรับประกันเลยว่าอร่อยเด็ดทุกร้านเพราะต่างทำด้วยฝีมือเน้นๆ และใจรักที่จะขายล้วนๆ

แถบฝั่งธนจะมีสวนกล้วยไม้สำหรับตัดดอกมาขายกันเยอะ ดังนั้นจึงมีดอกกล้วยไม้มาขายกันมากมายหลายชนิด และมีต้นไม้ีให้เลือกซื้อกลับไปปลูกกันที่บ้านกันอีกด้วย

หลังจากที่หนังท้องตึงก็ถึงเวลาผ่อนคลายกันด้วยกิจกรรมเบาๆ แต่ฮอตฮิตเป็นอย่างมากสำหรับผู้มาเยือนที่นี่ นั่นคือ การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ นั่งเรือทัวร์คลอง สัมผัสบรรยากาศและธรรมชาติอันหลากหลาย ของสองฟากฝั่งคลอง โดยพาหนะที่ช่วยโน้มดึงให้ผู้มาเยี่ยมเยียนกลมกลืนไปกับสายน้ำแห่งนี้มาก ขึ้น คือเรือหางยาวท้องแบนรูปตัววี ซึ่งในปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีให้ได้พบเห็นกันแล้ว
ราย รอบสองข้างทางระหว่างนั่งเรือ ภาพที่ปรากฏให้เห็นคล้ายเป็นภาพอันสวยสดในโปสต์การ์ดหลุดออกมา ไม่ว่าจะเป็นภาพเด็กกระโดดลงเล่นน้ำริมคลองอย่างสนุกสนาน การซื้อของข้ามคลองโดยการชักรอก ต้นลำพูที่ปล่อยรากอากาศยาวหยอกล้ออยู่กับแม่น้ำ รวมไปถึงบ้านเรือนไทยซึ่งปลูกสร้างอย่างสวยงาม
รวมถึงการได้ชมความงามของวัดวาอารามเก่าแก่ริมฝั่งคลอง ซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยปลายกรุงศรีอยุธยาและต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ต่อด้วยความประทับใจที่ไม่มีวันลืมกับการได้สัมผัสประเพณีเก่าแก่ ลอดใต้อุโบสถให้สูงขึ้นจากพื้น 2 เมตร พร้อม

ทำบุญให้อาหารปลาบนเรืออย่างสนุกสนานอีกด้วย ปล่อยเต่าน้อย ปล่อยปลา นานาชนิด

ความครบครันของวิถีชีวิต ธรรมชาติ และ บรรยากาศในตลาดน้ำตลิ่งชันที่ไหลวิ่งเวียนวนอยู่คู่กับชาวบ้านมานานแสนนาน เป้นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยยกระดับให้เมืองกรุงพร้อมอวดโฉมรับสมญานาม “เวนิสตะวันออก”อย่างเต็มภาคภูมิมากยิ่งขึ้น

จุดเด่นของตลาดน้ำคือ

การที่ได้นั่งเรือหางยาวเที่ยวชม วิถึชีวิตริมคลองบางกอกน้อย คลองบางเชือก มากกว่าเดินซื้อของริมตลาด

มีบริการผู้ใหญ่ราคา 90 บาท
เด็ก 50 บาท ต่ำกว่า 2 ขวบไม่คิด
วันอาทิตย์มีรอบพิเศษ เวาลา 13:00-16:00 น. นั่งเรือชมธรรมชาติ ชมสวนงูธนบุรี นมัสการหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ผู้ใหญ่ 120 บาท เด็ก 60 บาท


เรือทัวร์ 3 ตลาด เริ่ม 9:30 น. 99 บาท
นั่งเรือ ชมสวนกล้วยไม้ มีรอบ 11:00 น. 99 บาท



รายละเอียดเกี่ยวกับตลาดน้ำตลิ่งชัน
ที่ตั้ง : บริเวณหน้าสำนักงานเขตตลิ่งชัน แขวงคลองชักพระ เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ
เปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่ 8 โมงเช้า ถึง 4 โมงเย็น

ที่ จอดรถ : ลานจอดรถของ สนง.เขตตลิ่งชันเลย ถ้าเต็มให้ขับรถตรงออกมา จะมีที่จอดรถของเขตอีกที่นึงทางด้านซ้ายมือ (อยู่ใกล้เคียงกับ วัดกาญจนสิงหาสน์ วัดรัชฏาธิฐาน วัดเรไร ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร)

การเดินทาง :

วิธีที่ 1 (จาก ถ. รัชดาภิเษก) ~25 กม.
วิ่งถ.รัชดาภิเษก ,ลงอุโมงค์ห้วยขวาง, ขึ้นสะพานข้าม ถ. วิภาวดีรังสิต, แยกประชานุกูล, ลงอุโมงค์ เลี้ยวซ้ายเข้าถ.บางขุนนนท์ ไปตามป้ายสำนักงานเขตตลิ่งชัน

วิธีที่ 2
รถยนต์ส่วนตัว ใช้ถนนบรมราชชนนี โดยถ้าใช้ถนนพื้นราบ มาจากทางสะพานกรุงธนหรือสะพานพระปิ่นเกล้าพอข้ามสะพานข้ามคลอง (ที่มีขนส่งสายใต้อยู่ทางซ้าย) ก็ให้ชิดซ้ายสุดเข้าทางคู่ขนาน แล้ว เลี้ยวซ้าย เข้าซอยแรกทันที ตรงนี้ต้องขับรถระวังหน่อยเพราะต้องรีบชิดเข้าซ้าย พอเข้าซอยมาได้แล้วก็มา เลี้ยวขวา ที่แยกแรกที่เจอ แล้วตรงไปจนเจอสามแยก เลี้ยวซ้าย เข้าไปก็จะถึงแล้ว

วิธีที่ 3
ถ้าใช้ทางยกระดับคู่ขนานลอยฟ้าฯ มาจากสะพานพระราม 8 ขาออก หรือปิ่นเกล้าให้ใช้ทางออก ตลิ่งชัน ลงมา วิ่งผ่าน สน.ตลิ่งชันมานิดเดียวก็ ชิดซ้ายเลี้ยวเข้าถนนฉิมพลี ได้เลย สังเกตว่าแยกเข้าถนนฉิมพลีจะอยู่ตรงทางลาดขึ้นสะพานลอยกลับรถ ขับเข้ามาตามถนนฉิมพลีเรื่อยๆ ไม่ต้องเลี้ยวที่แยกไหน ก็จะมาเจอกับตลาดน้ำตลิ่งชัน ระวังอย่าขับเพลินเลยทางเลี้ยวเข้าถนนฉิมพลีไป เพราะเลยไปอีกนิดจะเป็นถนนราชพฤกษ์ ที่เลี้ยวซ้ายไปเพชรเกษมโน้นเลย

ขากลับ สำหรับใครจะใช้บรมราชชนนีขาเข้ากลับเข้ามา เพื่อจะข้ามสะพานพระปิ่นเกล้าหรือสะพานกรุงธน แนะนำว่าให้กลับออกมาทางถนนฉิมพลี คือ ถนนที่ถ้าเดินออกจากตลาดก็ตรงต่อไปเลย วิ่งตามทางไปเรื่อยพอมาถึงถนนบรมราชชนนีแล้ว ไม่ต้องวิ่งไปหาสะพานลอยกลับรถที่อยู่ไกล เราจะมาใช้ถนนราชพฤกษ์ช่วยพาเรากลับเข้าเมืองกัน
พอ เลี้ยวออกจากถนนฉิมพลีมาเข้าบรมราชชนนีกันแล้ว เลยมานิดเดียวก็ให้ เลี้ยวซ้าย เข้าถนนราชพฤกษ์ที่ชี้ว่าไป “เพชรเกษม” ได้เลย เข้าราชพฤกษ์มาจะมี ทางกลับรถลอดใต้สะพาน อยู่ข้างหน้า ให้กลับรถ มาแล้วชิดขวาเข้ามาในทางด่วนวิ่งข้ามบรมราชชนนีมา แล้วก็ ใช้ทางออกด้านซ้าย ตามป้ายชี้ทาง “ปิ่นเกล้า” มา แค่นี้ก็สามารถย้อนกลับเข้าเมืองมาได้แล้ว

รถประจำทาง สายที่ผ่านคือ สาย 79 (ราชประสงค์ - พุทธมณฑลสาย 2) เส้นทางจะผ่านหน้าตลาดพอดี
ทัวร์คลอง : เสาร์ - อาทิตย์ เวลา 10.00, 11.00, 13.00, 14.00 (เที่ยวละ 2 ชั่วโมง)
สอบถามรายละเีอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร. 0-2424-1712 , 0-2424-5448


source: http://travel.siam55.com/old-city-culture-ancient-history-travel/%e0%b8%95%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95%e0%b8%a5%e0%b8%b4%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b8%8a%e0%b8%b1%e0%b8%99.html

source: http://www.thai-tour.com/thai-tour/Bangkok/data/pic_talingchan-market.htm

ท่องทะเลผลไม้...เมืองระยอง

- สวนลุงทองใบ โทร. 089-810-6411 (เบอร์คุณสมยศ) และ 083-769-6172 (เบอร์คุณสมบัติภรรยาคุณสมยศ)

- สุภัทราแลนด์ 038-892048-9 และ 089-936-5933, 083-111-0984 (โชติชัย บัวดิษ ผู้จัดการทั่วไป)

- โรงแรมโกลเด้น ซิตี้ ระยอง 038-618701-15 และ 038-623101-10

- สวนผู้ใหญ่สมควร ‘บ้านแลง’ หมู่ 3 บ้านหนองพญา ต.บ้านแลง อ.เมือง ระยอง โทร. 081-761-9497, 081-991-3233

จะว่าไปแล้วระยองอยู่ไม่ห่างไกลจากกรุงเทพฯ ระยะทางเพียง 179 กิโลเมตเท่านั้น ใช้เวลาประมาณชั่วโมงเศษ หากใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ สำหรับวันนี้เราจะพาไปเที่ยวชมสวนผลไม้ สุภัทราแลนด์ กันก่อน จากนั้นมุ่งตรงไปยังตำบลหนองละลอก อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง โดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 3143 สวนสุภัทราแลนด์เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร เปิดให้เข้าชมเมื่อปี พ.ศ. 2540

บัตรเข้าชม ราคา 200 บาท (เด็ก 120) ชาวต่างชาติ 300 บาท มีรถพ่วงนำชม ก่อนออกเดินทางควรจะดื่มน้ำมะพร้าวปั่น (แจกฟรี) คนละ 1 แก้ว เพื่อเป็นการตัดกำลังตัวเอง (ฮา) ก่อนออกเดินทาง

พนักงานขับรถผู้เพียบพร้อมไปด้วยมุกตลก จะกล่าวต้อนรับอย่างเป็นทางการก่อนทำหน้าที่สารถี ชี้ชวนให้ชมต้นผลไม้สองฟากฝั่งถนนเล็ก ๆ

“…ตอนนี้สวนของเราพยายามจะปลูกผลไม้ให้หลากหลายขึ้น เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวชมและชิมได้ทั้งปี มีผลไม้ไม่ต่ำกว่า 15 ชนิด ซ้ายมือของผม คือ ต้นลิ้นจี่จากเชียงราย แต่เป็นพันธุ์ดูใบ นะครับ .... ทำไมนะเหรอ? ก็ตอนนี้มันมีแต่ใบนะสิครับ ก็เลยต้องดูใบไปก่อน ...” (ฮา)

หนุ่มไกด์ประจำรถโยนมุขจนรับไม่ทัน ชาวคณะจิตไม่นิ่งก็ต้องคอยตอบโต้ นึกในใจว่า ถ้าไม่มีพวกเราคอยตอบโต้จะเป็นยังไงนะ เราได้เห็นผลไม้บนต้นอย่างใกล้ชิด ทั้งมังคุด ทุเรียน เงาะ มะไฟหวาน ลองกอง กระท้อนห่อ แก้วมังกร ฯลฯ
ไกด์หนุ่มชี้ชวนให้ดูเงาะที่ยังไม่สุก พร้อมกับบอกว่า “ปีนี้เงาะไม่แดงเลยครับ เพราะมัวแต่ไปแดงที่พัทยา กับอนุสาวรีย์ กันหมด (ฮา) ไม่ใช่หรอกครับ ปีนี้ฤดูหนาวมันยืด ก็เลยทำให้ผลไม้ออกช้า ปกติช่วงนี้เงาะสุกแดงเต็มต้นแล้วครับ อาทิตย์หน้าผมว่าเงาะจะเริ่มสุก ส่วนขวามือนั่นเห็นไหมครับ สวยไหมครับ น้ำตกพันธมิตร .... (ผู้ชมถึงกับอึ้งตอบโต้ไม่ถูก หนุ่มก็เลยรีบเฉลยก่อนมุขจะแป้ก) ทำไมนะเหรอครับ นึกดูให้ดี ๆ ก็น้ำตกจำลองไงละครับ”

แล้วเราก็มาถึงจุดบุฟเฟ่ต์ผลไม้รวม ใครจะรับประทานผลไม้ชนิดไหน อย่างไร เท่าไหร่ไม่มีอั้น ซุ้มแรก เห็นพนักงานยืนเรียงแถวหน้ากระดานปอกเปลือกทุเรียนอย่างขมีขมัน อีกฟากฝั่งของโต๊ะ มีนักชิมทุเรียนยืนเรียงหน้ากระดาน รอรับ ชนิดปอกปุ๊บส่งปั๊บ มือเป็นระวิงทั้งสองฝ่าย

ซุ้มที่สองเป็นผลไม้รวม มีทั้ง มังคุด มะม่วงมหาชนกสุก และไม่สุก มะเฟืองหวาน ลองกอง ชมพู่ แก้วมังกร ขนุน ส้มโอ กล้วย เรียกได้ว่าใครมีเนื้อที่ในกระเพาะอาหารอยู่เท่าไหร่ โปรดปรานอะไร ไม่ต้องอายเพราะไม่มีใครว่า แถมยังมีห้องน้ำสะอาดบริการหลายห้อง
ช่วงที่เรากำลังเพลิดเพลินกับการชิมผลไม้อยู่นั้น สายฝนก็สาดลงมาอย่างแรง ....ทว่าติดฝนบนเกาะแห่งผลไม้รวมก็ดีเหมือนกัน ชิมไปเรื่อย ๆ จนกว่าฝนจะขาดเม็ดแล้วค่อยจากไปก็ยังไหว จากนั้นเราก็เดินทางต่อ ไกด์หนุ่มยังคงชี้ชวนให้ชมต้นสละ ให้ความรู้เกี่ยวกับต้นไม้ ที่ปลูกแบบไร้สารเคมี ให้ความรู้ในเรื่องแมลงศัตรูพืช เช่น

แผ่นสีเหลืองที่แขวนตามต้นทุเรียน ใช้ล่อแมลงให้มาติดกับ เพราะลำต้นมีตาข่ายดักแมลง แผ่นซีดีแขวนตามไร่องุ่นเพื่อหลอกตาแมลงไล่มันให้กลัวแล้วบินหนีไป เป็นต้น

ต้นมะขามป้อม มะยงชิด มะกอกฝรั่ง ฟักข้าว เสาวรส ฯลฯ ไม่มีโอกาสเล็ดลอดสายตานักท่องเที่ยวอย่างเราเลยแม้แต่น้อย รถพ่วงพาข้ามถนนใหญ่ไปอีกฟากฝั่งข้างโรงเรียนบ้านมาบตอง ไปดูไร่องุ่น เรือนกล้วยไม้ สวนยางพารา แปลงผักไฮโดรโพรนิค สวนลำไย ไร่แตงญี่ปุ่น ฯลฯ ก่อนแวะจอดจุดที่สอง เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ลิ้มรสส้มตำ และสลัดผักไฮโดรสดหวานกรอบ พร้อมน้ำสลัดเลิศรส สูตรของสุภัทราแลนด์

“ส้มตำและสลัดของเราก็กินได้ไม่อั้นนะครับ ส่วนองุ่นสดจากไร่ พนักงานจะเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ ส้มตำเรามีแต่ส้มตำไทยอย่างเดียว ไม่มีปู ไม่มีปลาร้า ไม่มีตำลาว แต่เราจะมีลาวตำให้กินนะครับ... ” (ไม่วายปล่อยมุก)

จากนั้นเราก็ไปชมราชินีผึ้ง และชิมน้ำผึ้ง 100% จุดนี้ชิมฟรีและจำหน่ายน้ำผึ้งให้กับนักท่องเที่ยว ที่นี่มีบ้านพักเพียง 3 หลังเท่านั้น ต้องโทรไปจองก่อน

ราคาหลังละ 1,200 บาท มี 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ มีเครื่องปรับอากาศทุกห้อง อุปกรณ์ทำครัว ทว่าไม่มีผ้าขนหนู สบู่ นักท่องเที่ยวต้องเตรียมไปเอง ไร่สุภัทราแลนด์ เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 09.00 - 21.00 น.

ในที่สุดเราก็ได้ท่องสวนผลไม้พื้นที่ 800 ไร่ เกือบค่อนวัน ก่อนที่จะอำลาไป เช็คอินเข้าที่พัก

คืนนี้เราพักในโรงแรมดีที่สุดของระยอง นั่นคือ โรงแรมโกลเด้น ซิตี้ ระยอง (Golden City Rayong Hotel) ถนนสุขุมวิท ตำบลเนินพระ จ.ระยอง ก่อนวันรุ่งของพรุ่งนี้ เราจะไปชมสวนผลไม้อีกแห่งหนึ่ง พร้อมรับประทานบุฟเฟ่ต์ผลไม้ที่

สวนลุงทองใบ สิงห์เขตร ตำบลตะพง อำเภอเมืองระยอง สวนแห่งนี้มีพื้นที่ 40 ไร่ ใช้แนวทางการเกษตรผสมผสานตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ปัจจุบัน คุณสมยศ กลิ่นขจร บุตรเขยของลุงทองใบเป็นผู้ดูแลบริหารจัดการ (เพราะว่าลุงทองใบเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อปลายปีก่อน)

“ที่นี่เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร มาได้ 4 ปีแล้วครับ ผลไม้ในสวนนี้มีทั้งหมด 7 อย่าง เปิดให้เข้าชมเฉพาะเดือนพฤษภาคม - มิถุนายน เก็บค่าเข้าชมคนละ 80 บาท จะมีชุดผลไม้ให้ ถ้าใครต้องการรับประทานอาหารพื้นบ้านระยองด้วย คิดคนละ 150 บาท มีคนนำชม นักท่องเที่ยวสามารถเก็บกินผลไม้บนต้นตามสมควร มีทั้งเงาะ มังคุด ลองกอง มะปราง” ลูกเขยลุงทองใบว่าอย่างนั้น

เสียดายที่นักท่องเที่ยวอย่างเราไม่สามารถเก็บทุเรียนกินบนต้นได้ (ฮา) ทว่าทางสวนได้จัดทุเรียนทั้งชะนี หมอนทอง พร้อมรับประทาน เสิร์ฟพร้อมเปลือกเพื่อให้ได้อรรถรสในการชิมข้าง ๆ ต้นทุเรียนกันเลยทีเดียว สวนลุงทองใบ ห่างจากถนนสุขุมวิทประมาณ 6 กิโลเมตร
วันนี้เราได้ชิมสำรับอร่อยตำรับพื้นบ้านเมืองระยอง ทั้ง น้ำพริกระกำ และ น้ำพริกกะปิ เสิร์ฟกับผักพื้นบ้านสมุนไพรลวกสุก แกล้มกับผักดองแบบพื้นบ้าน ก็คือ เขาจะนำถั่วงอก มะเขือเปราะซอยบาง ๆ แครอท ปรุงรสด้วยน้ำตาล กระเทียมโขลก พริกไทย เกลือ น้ำส้ม คลุกเคล้าให้ได้รสเปรี้ยวหวาน คลุกแล้วไม่ต้องค้างคืนรับประทานกับน้ำพริกได้เลย

ส่วนน้ำพริกระกำกับน้ำพริกกะปินั้น เหมือนกันทุกอย่าง เพียงแต่น้ำพริกระกำนั้นใช้ความเปรี้ยวจากระกำแทนมะนาวเท่านั้นเอง อีกเมนูเด็ดพื้นบ้านก็คือ แกงไก่ใส่มะเขือเม็ด น้ำแกงขลุกขลิก รสชาติจัดจ้าน เนื้อไก่ผสมเลือดไก่ มะเขือพวงเป็นเม็ด ๆ (ชาวระยองเรียกมะเขือพวงว่ามะเขือเม็ด)

ปลาต้มหวาน จานนี้แอบมีหมูหวานรสชาติถูกใจแนมมาด้วยกัน ชาวระยองเขามีวิธีหม่ำแบบนี้นี่เอง ต้มข่ากระดูกหมู คนแถวนั้นบอกว่า วิธีทำแบบเดียวกับต้มข่าไก่ แต่ไม่ใส่น้ำกะทิ และเปลี่ยนจากไก่เป็นกระดูกหมูอ่อน

อาหารสำรับนี้ทำให้เราอยากไปเยือนไร่ของลุงทองใบอีกครั้ง เพราะมื้อเดียวคงไม่พอ อยากจะขอทบทวนอีกหลาย ๆ ครั้ง เพราะอร่อยจริง ๆ ...

จากนั้นเราก็เดินทางไปชม สวนผู้ใหญ่สมควร แห่งบ้านแลง เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ชมต้นมังคุดอายุนับ 100 ปี ที่ยังฟอร์มสวย ออกผลเต็มต้น บุกไปชิมเงาะที่สุกเต็มต้น เพิ่งรู้ว่า เงาะสดจากต้นหวานอร่อยเพียงไร เพื่อนร่วมทริปถึงกับประกาศว่า ต่อไปนี้จะไม่ซื้อเงาะเน่า ๆ มากินอีกแล้ว ว่าแล้วก็ย้ายไปอยู่ระยองสัก 2 เดือน เลยดีไหมเพื่อน ?

สวนของผู้ใหญ่สมควร เพิ่งเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยว ผู้ใหญ่สมควร ศิริภักดี เป็นประธานกลุ่มแม่บ้าน (ปัจจุบันไม่ได้เป็นผู้ใหญ่บ้านแล้ว) ผลิตข้าวเกรียบสมุนไพรโอท็อป 5 ดาว ได้รางวัลที่ 1 ระดับจังหวัดและระดับเขต ได้รางวัลที่ 2 ระดับประเทศ ในฐานะของกลุ่มแม่บ้าน ‘บ้านแลงพัฒนา’ ผลิตข้าวเกรียบกุ้ง ฟักทอง ตำลึง ตะไคร้ สาหร่าย ใบกะเพรา มะกรูด มะละกอ และข้าวเกรียบทุเรียน ส่งออกอเมริกา

ใครต้องการชิมไปซื้อได้ที่ ห้างแหลมทอง 7 สาขาภาคตะวันออก และขายที่ตลาดน้ำ 4 ภาค เมืองพัทยา ที่ร้านอาหารสวนย่าสน ก็สั่งไว้จำหน่ายเช่นกัน

ส่วนใครต้องการท่องเที่ยวเชิงเกษตร โทร.038-914-086 และ 081-761-9497
ท่านผู้ว่า คุณสยุมพร ลิ่มไทย กล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรและวัฒนธรรม ให้เป็นเทรนด์ใหม่ในระยอง เปิดตัวด้วยเทศกาล ‘สีสัน ราย็อง’ และคำว่า ‘ราย็อง’ เป็นภาษาของชาวพื้นเมืองระยองนั่นเอง ช่วงนี้นักชิมผลไม้คงสนุกสนานกับการแหวกว่ายบนทะเลแห่งผลไม้ อย่างสนุกสนาน อย่าลืมไปชมและชิมกัน ตกทะเลผลไม้อร่อยได้สุขภาพ ไม่จมหรอก...

ที่มา: http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/life-style/travel/20090520/41200/ท่องทะเลผลไม้...เมืองระยอง.html

วันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ตำหนักเจ้าแม่กวนอิม โชคชัย 4 ซอย 39



"พระมหาเจดีย์พระพุทธเจ้าหมื่นพระองค์" เป็นพระมหาเจดีย์ที่สูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความสูงถึง 21 ชั้น ตามประวัติเล่าว่า เมื่อหลายพันปีก่อนองค์พระแม่กวนอิมมหาโพธิ์สัตว์ (อวโลกิเตศวร) ได้เคยเสด็จมาตั้งโพธิจิตที่จะสร้างพระมหาเจดีย์พระพุทธเจ้าหมื่นพระองค์ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ณ สถานที่แห่งนี้


> ตำหนักเจ้าแม่กวนอิม โชคชัย 4 ซอย 39 ในหนึ่งปีมีวันสำคัญของท่าน 3 วัน คือ วันประสูติ วันที่ 19 เดือน 2 วันตรัสรู้ วันที่ 19 เดือน 6 และวันออกบวช วันที่ 19 เดือน 9


ตำหนักพระแม่กวนอิม” ตั้งอยู่ที่ 4/37 หมู่ 10 ถนนโชคชัย 4 ซอย 39 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ การเดินทางสามารถเข้าได้หลายทาง หนึ่งในเส้นทางที่สะดวกก็คือมาจากทางถนนลาดพร้าว เลี้ยวเข้าซอยโชคชัย 4 แล้วตรงมาเรื่อยๆ ด้านซ้ายมือจะเจอกับ โชคชัย 4ซอย 39 เลี้ยวเข้าไปก็จะเจอกับตำหนักพระแม่กวนอิม สามารถจอดรถได้ทางขวามือ พระตำหนัก


เปิดทุกวัน เวลา 07.00-21.00 น.

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0-2539-6228


source:http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9520000033552